SlideShare uma empresa Scribd logo
1 de 33
Baixar para ler offline
ตัวอย่างหนังสือ MONEY MAKING MACHINE พิมพ์เขียวเครื่องผลิตเงินอัตโนมัติสร้างได้ใน 7 วัน
MONEY MAKING MACHINE
พิมพ์เขียวเครื่องผลิตเงินอัตโนมัติสร้างได้ใน 7 วัน
จิรายุ วาณิชวัฒนะโกศล
คำนำ
ขณะที่ผมกาลังตรวจต้นฉบับที่เขียนอยู่นี้ ผมกาลังคิดว่า เนื้อหาใน
หนังสือเล่มนี้คงจะเป็นประโยชน์สาหรับคนที่ต้องการสร้างธุรกิจ และ
กาหนดการใช้ชีวิตในแบบเฉพาะของตัวเองอย่างแน่นอน เพราะกี่ไม่
ชั่วโมงข้างหน้า ผมกาลังจะขึ้นพูดในงานเปิดตัวเครื่องสาอางแบรนด์ใหม่
ของผม ซึ่งเป็นการเริ่มต้นอีกหนึ่งธุรกิจร่วมกับหุ้นส่วนหลายๆคน เป็น
การสร้างอีกหนึ่งพิมพ์เขียวสาหรับผลิตเงินให้ผม
เชื่อว่าสาหรับคนที่กาลังมองหาช่องทางในการเริ่มต้นทาธุรกิจ
หรือกาลังจะเริ่มในเร็ววันนี้ จะได้รับประโยชน์จากหลักคิด วิธีการ และ
ความรู้ที่ผมได้เรียนรู้มาจากประสบการณ์ทาธุรกิจของผม ไปปรับใช้งาน
ให้ธุรกิจของคุณสามารถเป็นเครื่องจักรที่สร้างเงินได้โดยอัตโนมัติแม้คุณ
ไม่ทางาน หรือไม่เข้าไปกากับดูแลอย่างใกล้ชิดก็ตาม
นั่นคือเนื้อหาหลักๆของหนังสือเล่มนี้ หลายคนเมื่อเริ่มทาธุรกิจ
แล้วธุรกิจสามารถสร้างรายได้แล้ว ก็อยากจะไปทาอย่างอื่นที่ตัวเองอยาก
ทา เริ่มต้นธุรกิจใหม่ ดูแลครอบครัว อยู่กับคนที่คุณรัก ท่องเที่ยว หรือ
แม้แต่ไปทาในสิ่งที่คุณต้องการหรือใฝ่ฝันเอาไว้ให้สาเร็จ แต่ก็ติดอยู่ที่ว่า
กิจการของคุณไม่สามารถดาเนินการต่อไปได้หากไม่มีคุณเข้าไปดูแล
กิจการอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา ปลีกตัวไปทาอย่างอื่นได้ก็ไม่นาน ต้อง
กลับมาดูแลกิจการที่คุณสร้างขึ้น
การหาคนดีมีฝีมือที่ไว้ใจได้มาช่วยคุณทางานแล้ว ยังมีอีกหลาย
เรื่อง หลายมิติที่ผมได้เรียนรู้มาจากการสร้างธุรกิจ แล้วออกจากระบบมา
ใช้ชีวิต ให้กิจการรันต่อโดยไม่มีผมอยู่ในทีมบริหารเลย ผมเพียงเข้ามา
ดูแลบ้าง บางครั้ง และบางเรื่องที่สาคัญเท่านั้น ผมอยากแบ่งปัน
ประสบการณ์ครั้งนี้ให้คุณผู้อ่านได้เรียนรู้ และสามารถนาไปใช้งานได้
สร้างความเปลี่ยนให้ชีวิต ธุรกิจ และการทางานของคุณได้จริงๆ
จิรายุ วาณิชวัฒนะโกศล
22:45น. 14 กุมภาพันธ์ 2558 อาคารฟอรั่ม กรุงเทพฯ
ก่อนงานเปิดตัว NUDE Cosmetics
1st
Day
ชีวิตที่ออกแบบได้
ชีวิตมันสั้นเกินกว่าจะทาตามคนอื่น ที่ไม่ใช่ตัวเรา
ดังนั้นจงทาและเป็นตัวเอง!
คาถามที่ผมเคยสงสัยมาตลอดคือ....
ทาไมเราถึงให้คนอื่นมากาหนดว่าเราต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่?
ทาไมโบนัสถึงมีแค่ปีละครั้ง และต้องได้เท่านั้น เท่านี้ตามที่ นายจ้างของ
เราเป็นคนบอก ทาไมเราต้องเข้างาน 9โมงเช้า เลิกงาน 5โมงเย็น จันทร์-
ศุกร์ ทาไมเราต้องทนทางานที่ไม่ชอบ และได้ค่าตอบแทนที่เราคิดว่ามัน
ไม่เหมาะสมกับตัวของเรา ยังไม่พอ บางคนถึงขั้นเกลียดงานที่ตัวเองทา
อยู่ด้วยซ้าไป สาหรับบางคนที่ผมเคยได้เจอ ได้คุย เป็นแบบนี้กันหลาย
คน
ชีวิตเป็นของเรา ทาไมต้องให้คนอื่นมากาหนด กฎเกณฑ์มากมาย
ให้เราทา ขีดเส้นให้เราเดิน
ผมไม่คิดว่ามันไม่ดี หรือดี มันเป็นเพียงความสงสัยว่าอันที่จริง
เราสามารถกาหนดเส้นทางของเราได้ด้วยไม่ใช่หรือ? เท่านั้นเอง บางครั้ง
บางงาน ที่เราต้องการทามัน มันคืองานที่เรารัก งานที่เราชอบ งานที่เรา
ใฝ่ฝันมาตลอดเพื่อได้งานนั้น และมันทาเงินให้เรา เราต้องทาตาม
กฎเกณฑ์ที่นายจ้างเป็นคนกาหนด เท่านั้นจึงจะสามารถทางานนั้นได้ผม
ไม่ได้มีปัญหากับงานประจา หรือสนับสนุนให้ใครลาออกจากงานประจา
แต่สาหรับบางคนที่ผมได้พบ พูดคุย และวิจารณ์งานที่ตัวเองทา
อยู่ บ่นเรื่องงาน เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน อาหารกลางวัน แม่บ้าน รปภ.
โอ้วว สารพัดเรื่องที่ไม่ดีเกี่ยวกับงานที่ตัวเองทาอยู่ หากเราทุกข์ใจและ
เบื่องานที่เราทาขนาดนั้น ทาไมเราไม่มองหาทางเลือกใหม่ๆเพื่อให้เรามี
ความสุขมากขึ้น ทางานได้มากขึ้น สร้างรายได้ที่มากขึ้นด้วย
ทาไมเราไม่ “ออกแบบชีวิตของเราเอง”
ตั้งแต่เด็กๆผมมักคิดอยู่เสมอว่าเราคือคนเราสามารถคิดและใช้
ชีวิตในแบบของเราได้ถ้ามันไม่ทาให้คนรอบข้างในสังคมและครอบครัว
เดือดร้อน ทุกสิ่งอย่างในชีวิตของเราเกิดขึ้นได้ด้วยตัวเราเองเป็นส่วน
ใหญ่ ไม่มีใครทามาทาให้ชีวิตเราดีขึ้นหรือแย่ลงได้หากเราไม่ยินยอม
พร้อมใจ ดังนั้นหลังเรียนจบผมจึงออกแบบชีวิตของผมเอง ผมทาหลาย
อย่างที่ช่วยให้ได้ชีวิตที่ผมต้องการ ไลฟ์สไตล์ที่เป็นของผมเอง อยากมี
รายได้เท่าไหร่ผมก็กาหนดเป้าหมาย และสร้างมันขึ้นมา อยากไปเที่ยว
อยากพักผ่อน อยากอยู่กับครอบครัว ผมฝันและทาได้เพราะผมมี
เป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องมีชีวิตในแบบที่ผมต้องการเท่านั้น ผมไม่ยอมให้
ใครมากาหนดให้ผมต้องทาบางอย่างที่ผมไม่อยากทา ไม่แปปปี้
ดังนั้นผมจึงโฟกัสไปที่เรื่องสาคัญ และสร้างผลลัพธ์สูงสุด!
หนังสือที่คุณกาลังอ่านอยู่นี้ “พิมพ์เขียวเครื่องผลิตเงินอัตโนมัติ
สร้างได้ใน 7วัน” เล่มนี้ ผมพยายามที่จะถ่ายทอดเรื่องราว การออกแบบ
พิมพ์เขียวสร้างเงิน การออกแบบชีวิตของผม โดยหวังให้คนมากมายที่ยัง
ไม่รู้ว่า เราสามารถออกแบบชีวิตของเราเองได้ถ้าเราต้องการมาก
พอ! และจะออกแบบอย่างไร ในหนังสือเล่มนี้คือพิมพ์เขียวจากผมที่คุณ
จะได้รู้และผมเชื่อว่าหากคุณจะได้วิธีการจริงๆ คุณจะได้สิ่งนั้นแน่นอน...
โอกาสเป็นของคนที่มองหาโอกาส
ผมเองเป็นคนจังหวัดแพร่ ชีวิตวัยเด็กโตมาในร้านโชว์ห่วย
กิจการของครอบครัว ดังนั้นเรื่องค้าขายไม่ต้องห่วง ผมโดนปลูกฝังให้
รู้จักการขายของและเห็นคุณค่าของเงินมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนเด็กเรียนไม่
เก่ง แต่เรื่องเล่นขอให้บอกครับ มีเพื่อนตั้งแต่ลูกผู้ว่าฯจนกระทั่งลูกคนใน
โรงสี พ่อแม่ผมไม่เคยดุด่าเรื่องเรียนไม่เก่งหรือเอาผมไปเปรียบเทียบกับ
ลูกใครๆ แต่ท่านจะบอกเสมอว่าให้ตั้งใจเรียน แต่มันก็ไม่ช่วยเรื่องการ
เรียนของผมเท่าไหร่นัก ผมยังคงสนุกสนานกับการเล่นและมีกิจกรรม
ต่างๆมากมายกับเพื่อนๆ โดยเฉพาะการแกล้งคน ห้าห้าห้า
เหมือนผมโชคดีที่ไม่ตั้งใจเรียน เพราะบางเรื่องที่เอาใช้จริงในชีวิต
ล้วนมาจากการมีเพื่อน เล่น และคลุกคลีอยู่กับเพื่อนมากกว่า การที่ทาให้
ผมผ่านเรื่องร้ายๆและวิกฤตหลายๆครั้งในชีวิตของผมมาจากทักษะนอก
ห้องเรียนเป็นส่วนใหญ่ ผมไม่ได้บอกให้น้องๆที่กาลังเรียนอยู่ ไม่ตั้งใจ
เรียน หรือเลิกเรียนกลางคัน น้องๆต้องเรียนครับและตั้งใจด้วยปริญญา
และเกรดดีๆเป็นใบเบิกทางให้คุณได้งานดีๆ และมีอนาคตที่ดีได้ง่ายกว่า
คนเกรดน้อยอย่างที่ผมเป็นมากครับ
โอกาสดีๆมีอยู่ทุกนาทีแต่มันขึ้นอยู่ที่ว่า เรามีความสามารถที่คว้า
มันไว้หรือเปล่า เราคู่ควรกับโอกาสที่ได้รับมาแค่ไหน บางคนมองโลกแคบ
มีข้ออ้าง ชอบเปรียบเทียบ และปลอบใจตัวเองว่าที่เราไม่มีโอกาสอย่างคน
อื่นเขาเพราะโน่น นั่น นี่....
ผมมักได้รับโอกาสดีๆจากผู้ใหญ่ใจดีหลายๆคน จากเพื่อนดีๆ
หลา ยค น และ น้องๆที่ดีหลา ย คน ใน ตอนที่ผ มก่ อตั้ง
SixpackHome.com ตอนนั้นผมแทบไม่มีเงินทุนในการเริ่มต้นเลย สิ่งที่
ผมตั้งใจในตอนนั้นคือ สร้างเว็บไซต์สอนเล่นกล้ามที่บ้านที่ดีที่สุดให้คนดู
ฟรีทั่วโลก ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพด้วยตนเองที่บ้าน ผมเริ่มต้น
ทาเอง สอนเอง อัดวีดีโอเองจากที่บ้าน ด้วยหวังให้คนที่ไม่มีเวลา เขาไป
ออกกาลังในสถานออกกาลังที่ดีๆ ได้รับข้อมูล วิธีการ เล่นกล้ามที่บ้าน
แต่เมื่อsixpackhome.comเริ่มมีผู้ติดตาม มีคนที่มีความรู้เรื่องนั้นๆ
ออกมาว่ากล่าวตักเตือน กับข้อมูลของผมที่คลาดเคลื่อนไปจากหลัก
วิชาการซึ่งผมก็นามาตรวจสอบและปรากฎว่าผมสอนผิดจริง
สิ่งที่ผมต้องทาคือ หาคนที่มีความรู้ว่าช่วยให้ความรู้ แทนตัวผม
เองที่ความตั้งใจดี แต่ความรู้ยังไม่แน่นพอ ด้วยตอนนั้นเงินก็ไม่มี แต่
อยากได้คนระดับประเทศที่สร้างความน่าเชื่อถือได้ เพราะเป้าหมายผมคือ
sixpackhome.com ต้องเป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งของประเทศในเรื่องเล่น
กล้าม ผมจาเป็นต้องมีแชมป์เพาะกายระดับเอเชียและระดับโลกมาให้
ข้อมูล และช่วยสอนคนเล่นกล้ามจะสามารถทาได้ที่บ้าน
ผ่าน SixpackHome.com นั่นคือหนึ่งโอกาสที่ผมมองเห็น ออกไปตาม
หามัน
เมื่อมีชื่อเสียงพอสมควรจากความรู้ที่ส่งมอบให้ผู้คนที่ติดตาม
รายการทีวีก็ติดต่อเข้ามาให้ไปออกรายการ ตอนนั้นผมจาได้ว่าเป็น
รายการ มาโชว์คลิป จากช่อง 7 อยากจะสัมภาษณ์ออกทีวี หลังจากนั้น
sixpackhome.com ที่มีรายได้หลักจากการขายอาหารเสริมและอุปกรณ์
เล่นกล้ามก็ขายดีขึ้นทันตา และยังไม่หมด ยังมีอีกหลายรายการโทรทัศน์
ที่ติดต่อเข้ามา เพราะจากเนื้อหาจากมืออาชีพด้านนั้นๆ ใน
Sixpackhome.com ทาให้โอกาสมาถึง ผมคว้ามันไว้ทามันอย่างคู่ควร
ช่วยให้ธุรกิจผมเติบโตอย่างมากในเวลาต่อมา
ผมจะบอกว่า จงสร้างคุณค่าให้ผู้คน จงมีทักษะในการแก้ปัญหา
ให้คนอื่น จงสร้างความเป็นตัวเองให้โดดเด่นและแตกต่างจากคนอื่นอย่าง
สร้างสรรค์ วิ่งหาโอกาส หาทุกความเป็นไปได้ที่จะได้มีโอกาสแสดง
ความสามารถและเจตนาที่ดีของคุณให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนอื่น ไม่
ว่าคุณจะทาอะไรก็ตาม โอกาสอื่นๆที่เข้ามาคุณจะสามารถจับมันไว้ได้จน
บ้างทีอาจต้องเลือกที่จะปล่อยบ้างโอกาสที่มันมีความสาคัญน้อยกว่าไป
เพราะเวลาและทรัพย์กรของเรามีไม่พอ โอกาสสร้างได้ด้วยตัวคุณเอง
คนรวยทาไมยิ่งรวยขึ้น
เคยสงสัยกันไหมว่าคนอยากรวยทาไมยิ่งทางาน ยิ่งขยันแต่ก็ยัง
ไม่รวย และทาไมคนรวยหยิบจับอะไรนิด อะไรหน่อยก็กลายเป็นเงินเป็น
ทองไปเสียหมดทุกอย่าง อะไรคือความแตกต่างนั้น และหากเรายังจน
หรือยังไม่รวย เราสามารถเป็นคนรวยเหมือเศรษฐีหลายๆคนในเมืองไทย
ได้หรือไม่ จากประสบการณ์การได้คลุกคลีอยู่กับคนฐานะที่แตกต่างกัน
หลายๆคน เพราะผมมีเพื่อนหลากหลายกลุ่ม มีหลายข้อที่คนรวย
แตกต่างจากคนอยากรวย
1.คนรวยรอเป็น (ลงทุนระยะยาว)
ยิ่งคิดสั้น ยิ่งจน คุณลองทาความเข้าใจกับความหมายนี้ให้ดี คุณ
จะเห็นได้ถึงความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนอยากรวยชัดเจนในเรื่อง
ของความคิด จริงอยู่ที่คนทั่วๆไปต้องคิดเรื่องปากท้องในทุกวัน แต่หาก
เรามองที่พื้นฐานจริงๆเราจะเห็นกระบวนการคิดที่ยาว และน่าสนใจ
คนรวยจะวางแผนต่อยอดความคิดที่ยาวไกล ในการลงมือ
กระทาสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม จะมีการวางเป้าหมายชัดเจน และมีเส้นทางเดิน
ที่แน่วแน่ (แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้หากเจอวิธีการที่ดีกว่า ง่ายกว่า เร็ว
กว่า แต่เป้าหมายไม่เปลี่ยน)
ส่วนคนทั่วไปนั้นมักจะวางแผนเรื่องอนาคตไว้ในระยะเวลาอันสั้น
วันต่อวัน หรือต่อเดือน แต่ในทางตรงกันข้ามคนรวยจะคิดยาว ยาวถึงขั้น
ที่สุดแล้วproject ที่กาลังจะเริ่มทาภาพสุดท้ายจะเป็นอย่างไรทั้งเหตุการณ์
ที่ดีที่สุดและแย่ที่สุด คนรวยจึงจะเริ่มลงมือทา ในขณะที่คนอยากคิดคิด
แต่เฉพาะสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คนรวยจึงแตกต่างตรงที่มีเป้าหมายชัดเจน คิด
ยาวและมีพลังมหาศาล อดออมและรอคอย จนทาให้เงินงอกเงยแบบ
เหลือกินเหลือใช้
2.คนรวยชอบพูดคุยกันเรื่องไอเดีย(ธุรกิจ)
คนเราส่วนใหญ่สนใจแต่เรื่องคนอื่น เรื่องที่ไม่มีผลกระทบกับ
ตัวเองเลย แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าคนรวยไม่พูดเรื่องคนอื่น แค่คนรวยจะ
พูดถึงเรื่องของคนอื่นน้อยกว่า และเรื่องที่อยู่ในวงสนทนามักจะเป็นการ
พูดคุยเรื่องไอเดียการทาเงิน แนวความคิดดีๆ หรือมีมุมมองแปลกใหม่
มากกว่าที่จะ “ซุบซิบนินทา” จนเป็นนิสัยจนทาให้ลืมไปว่าเวลาเหล่านั้น
หากนามาต่อยอดความคิดใหม่ๆน่าจะดีกว่า
ไอเดียเพียงเล็กน้อย ช่องว่างทาการตลาดบางอย่าง คิดได้ทา
เลย ไม่มีการรีรอ และไอเดียเหล่านั้นเขามักจะนาไปบอกคนอื่นเพื่อ
ต้องการรับฟังมุมมองจากคนนอก จากนั้นก็มาวิเคราะห์ด้วยตัวเองแล้ว
ตัดสินใจทาด้วยวิธีการเฉพาะตัว
3.คนรวยยอมรับความเปลี่ยนและมองหาโอกาส
เมื่อมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นเราจะสังเกตได้ง่ายว่ากลุ่มของคนอยากรวย
มักจะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และคิดว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นจะ
มาทาให้ชีวิตมีภาระเพิ่มมากขึ้น จะมาคุกคามชีวิตความเป็นอยู่ที่ตนเอง
เคยชิน ในขณะที่คนรวยนั้นกลับคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนั้น อาจพาสิ่ง
ใหม่ๆที่ดีกว่ามาสู่พวกเขา คนรวยจะมองว่าในการเปลี่ยนแปลงนั้น มี
โอกาสใหม่ๆเสมอซึ่งเหตุผลในข้อนี้น่าจะมาจากการที่คนรวยมีความมั่นใจ
ในตนเองที่สูงกว่า กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองมากกว่า เลยทาให้เขา
เหล่านั้นได้พบเจอโอกาสใหม่ๆมากกว่า
4.คนรวยเสี่ยงถูกทาง
คนรวยจะให้ความสาคัญกับที่มาที่ไปของรายได้ที่จะได้มาจาก
ธุรกิจต่างๆที่จะลงมือทาหรือเข้าไปลงทุน จะดูความสมเหตุสมผล ความ
เสี่ยงและความน่าจะเป็น อย่างละเอียดที่สุดเท่าที่เวลาเป็นความรู้จะ
เอื้ออานวยในขณะนั้น
5.คนรวยเรียนรู้ตลอดชีวิต
นิสัยการเรียนรู้แบบไม่มีวันจบนับได้ว่าเป็นเป็นหัวใจของเศรษฐี
จริงๆ เราจะเห็นได้จากชีวิตจริงว่าความรู้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังจากที่เรา
เรียนจบจากโรงเรียนและสามารถนาไปใช้ได้จริงๆซึ่งตรงจุดนี้ คนรวยจึง
มีนิสัยรักการอ่านหรือการหาความรู้ต่อไปอย่างสม่าเสมอ ไม่ว่าความรู้นั้น
จะมาจากหนังสือ สัมมนา รายงานโทรทัศน์ หรือแม้แต่การพบปะพูดคุย
กับผู้รู้ทั้งหลาย เพื่อนาไปต่อยอดสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง โดยไม่
เกียงว่าความรู้นั้นต้องจ่ายถูกแพง หรือต้องใช้เวลาในการศึกษเรียนรู้มาก
แค่ไหน หากมันคือความรู้ที่สามารถนาไปสร้างธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนที่
คุ้มค่ากว่าเวลาและเงินที่จ่ายออกไป
6.คนรวยทางานต่อยอด
เราจะสังเกตเห็นว่าที่จะรวยได้นั้นมักจะนาเงินที่ได้มาจากการ
ทางานไปต่อยอดในการสร้างเม็ดเงินให้เพิ่มขึ้น เขาจะหาลู่ทางที่แปลกใหม่
เพื่อให้เงินที่มีอยู่ไม่ใช่เงินตาย เงินตายหมายถึงเงินที่เราเอามาเก็บไว้เฉยๆ
สิ่งที่สาคัญที่สุด คนรวยชอบมักจะตั้งคาถามที่เป็นบวกและสร้าง
กาลังใจให้ตนเองตลอดเวลา ในขณะที่คนทั่วไป ชอบตั้งคาถามที่เป็นลบ
และเสียกาลังใจแก่ตนเอง เช่น จะหาเงินมาจ่ายหนี้ค่าบัตรเครดิตเดือนนี้
ได้พออย่างไรนะ เดือนนี้จะเอาค่าบ้านที่ไหน เป็นต้น
ในแนวคิดวิธีคิดที่แตกต่าง สามารถนามาซึ่งวิถีแห่งความมั่งมีได้
ก่อนที่จะร่ารวยเงินทอง ต้องร่ารวยความคิดดีๆ เพื่อเป็นวัตถุดิบในการ
กระทา
ความเข้าใจผิดเรื่องเงิน
มีหลายประโยคที่เรามักจะได้ยินอยู่บ่อยๆก็คือ มีเงินมากจะไม่ดี
, มีเงินแล้วไม่มีความสุข, เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้, เงินไม่ใช่สิ่งสาคัญ คน
รวยเป็นคนที่โกงเขามา ฯลฯ
หลากแนวคิดต่างๆเหล่านี้พยายามจะทาให้เห็นว่า เงินไม่ใช่สิ่ง
สาคัญ แต่ในความเป็นจริง หากคุณเปิดใจมองโลกให้กว้างขึ้น มองใน
มุมของความเป็นจริงมากขึ้น คุณจะเห็นว่านอกเหนือจากปัจจัย 4 คือ
อาหาร, เครื่องนุ่งห่ม, ยารักษาโรค , และที่อยู่ อาศัยแล้ว เงินคือสิ่งที่
สามารถแลกปัจจัยที่จาเป็นการใช้ชีวิตขิงผู้คนในยุคนี้ได้ แน่นอนว่าเรา
อาจจะใช้สิ่งของที่ตัวเองมีแลก กับปัจจัยที่คุณต้องการ แต่มันก็ถูกตีเป็น
ราคาค่าเงินอยู่ดี
เรามักถูกทาให้เชื่อว่า “เงินไม่ดี” อยู่เสมอมา ไม่ว่าโดยทางตรง
หรือทางอ้อมก็ตามที ในละครทีวีที่เราดูกันตอนเย็นๆ กี่เรื่องต่อกี่เรื่องก็
พูดเรื่องคนรวย คนมีเงินในแง่ที่ไม่ดี เป็นคนเลว ได้เงินจากการคดโกง
ฉ้อฉลมาทั้งสิ้นหรือแม้แต่ข่าวหนังสือพิมพ์ที่มักนาเสนอข่าวของคนรวยที่
ก่ออาชญากรรม ทาเลว เมาแล้วขับ ชนแล้วหนี สารพัดเรื่องเลวๆที่เราได้
เห็นอยู่ประจา ทาให้เรามองภาพคนรวย และเหมาเอาทั้งหมดว่าคนรวย
นั้นเลว เราอาจจะไม่ได้พูดหรือแสดงความคิด ความเห็นออกมา แต่ลึกๆ
เราก็อดเห็นด้วยว่า “คนรวย ไมดี” “เงินไม่ดี” ผมเองก็เคยรู้สึกอย่างนั้น
เหมือนกัน
แต่เมื่อผมโตขึ้น ผมเพิ่งรู้ว่า “ผมเข้าใจผิด” เงินไม่ใช่ไม่ดี คน
ต่างหากที่ไม่ดี เงินเป็นแค่วัตถุมันจะทาอะไรได้ เงินแค่ช่วยสนับสนุนให้
เราเป็นตัวของเราเองมากขึ้นเท่านั้น หากคุณเลวเมื่อมีเงิน คุณก็จะ
สามารถทาเลวได้อย่างเต็มที่ แต่หากคุณเป็นคนดี เงินก็ช่วยสนับสนุนให้
คุณทาดีได้มากขึ้น ช่วยเหลือผู้คนได้มากขึ้น นั่นเอง นั่นคือสิ่งที่ผมได้
เรียนรู้หลังจากที่ได้เจอทั้งคนดีและคนรวย ที่มีฐานะร่ารวยพอๆกัน แต่
แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
บางคนอาจจะเห็นต่างจากผม บางครั้ง “เงินทาให้คนเปลี่ยนไป
ตอนยังไม่รวยก็เป็นคนดีอยู่หรอกนะ แต่พอมีเงินเข้าหน่อยก็เปลี่ยนเป็น
คนละคน” ผมว่าโดยเนื้อแท้แล้วเขาคงไม่ใช่คนดีซักเท่าไหร่ ตอนยังจน
ก็ทาเลวเป็นคนชั่วอยู่แล้ว แต่ว่าคนอาจจะไม่เห็น เมื่อเมื่อมีเงิน มีทอง
ร่ารวยขึ้นมาแล้ว ความชั่ว ความเลวก็เลยแสดงออกมาชัดเจนมากขึ้น
โดยสรุปเลวหากเอาฐานะทางการเงินมาเปรียบเทียบกับ
พฤติกรรมแล้ว คนเราแบ่งอกได้เป็น
คนจนที่ดี คนจนที่เลว
คนฐานะปานกลางที่ดี คนฐานะปานกลางที่เลว
คนรวยที่ดี และคนรวยที่เลว
ผมคงไม่เปรียบเทียบอย่างนี้ หากผมไม่ได้ออกไปพบเจอผู้คน
มากมาย รู้จักเพื่อน ร่วมงานกับหลายๆคน ทั้งคนดี และไม่ดีปะปนกัน
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องเงินทาให้หลายคนหาคามาปลอบใจตัวเองว่า
“เราไม่จาเป็นต้องรวยหรือประสบความสาเร็จหรอก มีเงินก็ไม่มีความสุข
มีเงินก็กลายเป็นคนเลว อยู่อย่างนี้ดีแล้ว พออยู่ พอกิน ไม่ต้องมีเงิน
เยอะ”
ผมเองเป็นคนที่หาเงินมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ด้วยเพราะเกิดมาใน
ครอบครัวคนค้าขาย ที่ให้ความสาคัญกับการเงินทามาหาเงิน หาเงินหา
ทอง อย่างสุจริตชน ไม่คด ไม่โกงใครมา และยิ่งโตมาผมได้มาทาธุรกิจ
ของตัวเอง ผมยิ่งเข้าใจมากขึ้นเลยว่า ทาไมคนรวยถึงรวยขึ้นๆ คนจนก็
จนลงๆ ความคิดที่แตกต่าง การลงมือทาที่แตกต่างระหว่างคน 2แบบนี้
ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมไม่ได้ห้ามคุณให้ใช้ชีวิตอย่างสมถะหรอกนะครับ หากคุณมี
ชีวิตที่พอเพียงมันก็ดี แต่ความรวยหรือการมีเงินทองมากๆก็ไม่ได้
หมายความว่าเราเป็นคนไม่ดี หรือไม่มีความพอเพียง แต่หากการ
เพียงพอคือความสามารถในการดูแลตัวเองและคนรอบข้างได้โดยไม่ไป
เบียดเบียนคนอื่น หรือโกงใครมา ทางานทาธุรกิจโดยสุจริต หาเงินและมี
รายได้ที่เป็น Happy money คนเราก็น่าจะสมควรที่จะรวยได้ไม่ใช่หรือ
ได้ใช้ชีวิตที่ดี มีปัจจัยที่ครบถ้วน มีความเป็นอยู่ที่มีคุณภาพมากขึ้น และ
ยังเผื่อแผ่ไปยังคนที่อยู่ใกล้ๆญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงที่ได้รับความเดือดร้อน
ขึ้นมา หากเราไม่มีเงินที่มากพอ เราก็ไม่สามารถช่วยเหลือใครได้มากหรือ
ช่วยได้เต็มที่เท่าที่ใจต้องการได้ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ไม่ต้อง
กังวลเรื่องเงิน
อย่าให้ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องเงินมาเป็นอุปสรรคให้คุณไม่
กล้า หรือมีความต้องการจริงๆที่จะประสบความสาเร็จในชีวิต หน้าที่การ
งาน หรือการทาธุรกิจของคุณได้ เชื่อเถอะครับว่า หากคนในครอบครัว
ของคุณล้มป่วยขึ้นมาและต้องการการรักษาอย่างทันท่วงที แต่รัฐก็ไม่
สามารถออกค่าใช้จ่ายเหล่านั้นให้คุณได้เพียงพอ คุณจะรู้ได้ทันทีว่า “เงิน
นั้นโครตสาคัญ” และจาเป็นมากๆ อย่ารอให้ถึงตอนนั้นเลยครับ มาสร้าง
เนื้อสร้างตัว ยกฐานะตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆกันดีกว่า
คนที่ประสบความสาเร็จหลายๆคนมักออกมาให้ทัศนะเกี่ยวกับ
เรื่องเงินไว้มากมายและน่าสนใจทั้งสิ้น แนวคิดเหล่านี้แหละที่ผมนามา
ปรับใช้กับความคิดของผม เราต่างเรียนรู้เพื่อทาธุรกิจ โดยมองข้ามไปว่า
“ในเมื่อเราต้องการเงิน ทาไมเราไม่เรียนรู้วิธีหาเงิน” เออนั่นซินะ!
คนเราก็ไม่ได้รู้อะไรทุกอย่าง มักเข้าใจผิดจากที่สิ่งที่รู้มา เงินเป็น
แค่วัตถุเป็นเครื่องมือให้เราทาในสิ่งที่เราอยากทาเท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวกับดี-
เลว หากคุณเป็นคนดี หาเงินเก่ง ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมา ตราหน้าคุณว่า
เลว สิ่งที่คุณทาทั้งตอนที่ยังไม่มีเงินกับตอนที่รวยแล้วต่างหาก ที่บ่งบอก
ความเป็นตัวของคุณได้ดี และไม่ต้องกลัว และเลิกเข้าใจเกี่ยวกับเงิน
ผิดๆได้แล้ว!
สร้างพิมพ์เขียวเครื่องจักรผลิตเงินให้ตัวเอง
“บ้านยังต้องมีพิมพ์เขียวในการก่อสร้าง และทาไมธุรกิจจึงไม่มี
พิมพ์เขียวเป็นแม่แบบสาหรับสร้างธุรกิจ….”
ตึกรามบ้านช่องที่คุณเห็นเจริญหูเจริญตาอยู่ทุกวันนี้เกิดขึ้นมา
จากแบบแปลนก่อสร้างที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ส่วนประกอบสวยงาม
สถาปัตยกรรมที่มองเห็นจากภายนอกหรือการตกแต่งภายในที่สวยงาม
ล้วนแล้วแต่ถูกออกแบบมาก่อนแล้ว เรียกว่า “แบบแปลนอาคาร” หาก
เป็นบ้านก็เรียกแบบแปลนบ้าน เป็นสิ่งที่บอกรายละเอียดภาพกว้างและ
รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆของบ้านเอาไว้ครบถ้วนก่อนทาการก่อสร้าง สิ่ง
ที่เรียกว่าแปลนบ้านนี่แหละคือ “พิมพ์เขียว” ของบ้าน
หากเปรียบการธุรกิจแล้วทาไมเราจึงไม่มี “พิมพ์เขียวสาหรับ
ดาเนินธุรกิจ” ก่อร่างสร้างธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย ทาซี้ซั้วธุรกิจอาจจะเจ้งได้
เหมือนกับตึกที่ก่อสร้างไม่ได้ตามแบบแปลน ตามมาตรฐาน การ
ดาเนินการทุกอย่างเอาความรู้สึกและอารมณ์ การคาดคะเนเอาเองโดยไม่
มีหลักวิชาการเลย อาจจะสร้างได้นะ แต่อาคารนั้นจะใช้งานได้ไหมก็อีก
เรื่องหนึ่ง ความสวยงามได้รูปทรงก็คงไม่ต้องพูดถึงเพราะคาดคะเนเอา
เอง
ส่วนเรื่องการใช้เปิดใช้งานอาคารนั้นๆ และใช้งานได้นานแค่ไหน
วันไหนจะพังลงมาทับคนที่อยู่อาศัยก็ไม่รู้ รู้แบบนี้แล้วคุณจะอยู่กล้าอยู่
ในอาคารแบบนี้หรือไม่ เป็นผมคงไม่อยากอยู่หรอกครับ
เช่นเดียวกับกับธุรกิจ หากคุณมีความตั้งใจดี มีความฝัน มีความ
กระตือรือร้นอย่างมาก แต่ขาดซึ่ง “พิมพ์เขียว” ที่เป็นแม่แบบในการทา
ธุรกิจ ความสาเร็จในการดาเนินธุรกิจคงจะเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร หรือ
ธุรกิจนั้นๆจะยั่งยืนเติบโตได้ไม่เต็มที่นัก สาหรับผมแล้ว “พิมพ์เขียว” ที่
ผมใช้ ช่วยให้ผมเห็นภาพกว้างของธุรกิจ รวมทั้งรายละเอียดปลีกย่อย
ของแต่ละส่วนในธุรกิจของผมอย่างชัดเจน รู้ว่าส่วนไหนสาคัญ ส่วนไหน
เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจของผม เปรียบกับแปลนบ้านก็เหมือนคุณรู้จักว่า
ส่วนต่างๆในบ้านของคุณอยู่ตรงไหน ห้องรับแขก หัวครัว ห้องนอน
ห้องน้า ระเบียงหน้าบ้าน โดยที่คุณสามารถจินตนาการออกได้ว่าเป็น
อย่างไร และต้องสร้างส่วนไหนก่อนหลัง จาก “พิมพ์เขียว” และสามารถ
ตรวจสอบการก่อสร้างในทุกขั้นตอนในระหว่างการก่อสร้างว่าถูกต้อง
หรือไม่ หากผิดไปจากแบบก่อสร้างไม่ตรงตามแบบ อาจส่งผลกระทบใน
อนาคต คุณสามารถสั่งให้แก้ไขได้ทันท่วงที
ธุรกิจก็เช่นเดียวกันครับ หากคุณมี “พิมพ์เขียวในการทาธุรกิจ”
คุณจะมองภาพออกว่าธุรกิจขึ้นเมื่อสร้างเสร็จแล้วหน้าตาจะออกมายังไง
ตรงไหนที่คุณต้องทาก่อน ตรงไหนต้องให้ความสาคัญอย่างมาก หากม
ปัญหาหรือความผิดพลาดเกิดขึ้น คุณสามารถเข้าไปแก้ปัญหาได้ทันที
เพราะคุณมีพิมพ์เขียวการทาธุรกิจอยู่ในมือ หนังสือเล่มนี้เป็นพิมพ์เขียวที่
ผมมีและผมอยากแบ่งปันพิมพ์เขียวของผมให้คุณได้เอาไปใช้กับการทา
ธุรกิจของคุณบ้าง อย่างน้อยคุณก็จะได้มีแม่แบบ แบบแปลนในการทา
ธุรกิจอยู่ในมือ ธุรกิจของคุณจะได้ก่อร่างสร้างตัว เป็นรูปเป็นร่างอย่าง
ชัดเจนและเป็นขึ้นเป็นตอนมากขึ้นนั่นเอง
มาสร้าง “พิมพ์เขียวเครื่องผลิตเงินอัตโนมัติ” กันเถอะ!
2nd
Day
ตันทุนชีวิตต่า หรือข้ออ้าง
บางคนชอบอ้างเรื่องนี้ ทั้งที่ยังไม่ลงมือทาอะไรเลยด้วยซ้าไป!
ทุกครั้งที่ผมออกไปพูด บรรยาย ในสัมมนาต่างๆ เพื่อแบ่งปัน
ความรู้และประสบการณ์ สิ่งหนึ่งที่คนมักเข้ามาถามและพูดคุยกับผมคือ
ความกลัวเรื่อง “ต้นทุนชีวิตต่า” เขาเป็นคนแบบนี้ ฐานะไม่ค่อยดี เรียน
มาน้อย จะมีโอกาสประสบความสาเร็จอย่างคนอื่นบ้างไหม? และคาถาม
ในโทนเดียวกันนี่แหละที่ผมได้รับฟังบ่อยๆ สิ่งที่ผมทาได้คือตอบสั้นๆว่า
“ทาได้แน่นอนครับ” เพราะผมเชื่อว่า ทุกคนสามารถประสบความสาเร็จ
ตามที่ตัวเองต้องการได้ หากเขามีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ไม่ยอมแพ้อะไร
ง่ายๆ ไม่ท้อถอย ไม่ล้มเลิกไปเสียก่อน แม้ไม่ประสบความสาเร็จในเร็ว
วันนี้ แต่สิ่งที่ได้ลงมือทามานั้นจะเป็นประสบการณ์สอนคุณว่า สิ่งไหน
ควรทา สิ่งไหนไม่ควรทา โอกาสประสบความสาเร็จก็มีมากขึ้น
ความคิดเรื่อง “ไม่ใช่คนรวย โอกาสสาเร็จยาก” ไม่ใช่สิ่งที่ผิด
หรอกครับ เพราะบางครั้งเราเติบโต หรือมีชีวิตกับคนที่ไม่ค่อยประสบ
ความสาเร็จ หรือคนธรรมดาบ้านๆ ดังนั้น ความคิดหรือการรับรู้ของเราก็
จะโอนเอียงไปตามความคิดเหล่านั้นด้วย เหมือนที่เขาพูดๆกันว่า “คุณคือ
ค่าเฉลี่ยของคนที่อยู่รอบๆตัวคุณ” คนที่คุณอยู่ใกล้ คนที่คุณใช้ชีวิต
พบปะ พูดคุย อยู่เป็นประจาเป็นอย่างไร ความคิดและการกระทาของคุณ
ก็จะมีแนวโน้มจะเป็นคนแบบนั้นด้วย หรือไม่ก็เห็นดี เห็นงาม กับ
ความคิดนั้นๆอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ความเชื่อเหล่านั้นจึงอยู่ในจิตสานึกของ
คุณแบบแน่นหนึบ แกะไม่ออก ไม่ว่าคุณจะทาอะไร ความกลัวลึกๆในใจ
จะบอกคุณเสมอว่า เราจน เราเรียนน้อย เพื่อนเราไม่รวย เราไม่มีทาง
สาเร็จความสาเร็จได้หรอก
เมื่อความคิดนาทาง และคอยตอกย้าอยู่เสมอ ทาให้การกระทา
ต่างๆในชีวิตประจาวันของคุณส่งผลกับความสาเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ด้วย แล้วยิ่งคุณไม่สามารถทาสิ่งหนึ่ง สิ่งใดได้สาเร็จ คุณก็จะหาข้ออ้างมา
ปลอบใจตัวเองได้เสมอว่า ที่เราทาไม่ได้ก็เพราะเรามันจน เรียนมาน้อย
Connection เราไม่ดีพอ หรืออื่นๆอีกมากมายที่เอามาปลอบใจตัวเองทุก
ครั้งที่ทาอะไรแล้วล้มเหลวไม่เป็นท่า
ผมมักถูกมองว่าที่ผมสาเร็จหรือมีชีวิตแบบนี้ได้ก็เพราะ “บ้าน
รวย” พื้นฐานครอบครัวดี มีคนคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทา
อะไรก็มีคนคอยสนับสนุนอยู่เสมอ ลองมาจนแบบผมดูซิ ถ้าเรียนมาน้อย
อย่างผมดูซิ ลองมีเพื่อนน้อย ไม่มี Connection อย่างผมซิ! จะประสบ
ความสาเร็จได้ไหม?
เหมือนคุณจะบอกเหตุผลผมแล้วว่าทาไมคุณจึงย่าอยู่ที่เดิม ไม่
ไปไหน ไม่สามารถสร้างอะไรได้เป็นชิ้น เป็นอัน ไม่สามารถยกระดับ
ความสุข ความรวย หรือชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองได้ ผมถามว่า ใน
เมื่อคุณรู้ทั้งหมดแล้ว ทาไมคุณไม่แก้ไขมันล่ะ คุณ ทาไมคุณถึงปล่อยให้
คนอื่นประสบความสาเร็จได้ ทาไมไม่เป็นคุณ ทาไมคุณไม่คู่ควรกับ
ความสาเร็จ
ถ้าจะให้ยกเหตุผลมาประกอบความล้มเหลว ผมว่ามีเป็นร้อยเป็น
พันเหตุผลแหละครับ
ผมว่า...ผมอยากประสบความสาเร็จมากกว่า หาเหตุผลเหล่านั้น
ผมอยากมีชีวิตที่ผมต้องการ ผมอยากยกระดับความเป็นอยู่ของ
ครอบครัว ผมอยากมีเวลาอยู่กับคนที่ผมรัก ดังนั้นผมจะไม่อ้าง ผมจะลง
มือทา หาวิธีการ หาคนมาช่วยผมให้ผมประสบความสาเร็จให้ได้ ผมจะ
เข้าหาคนอื่นๆเพื่อเพิ่ม Connection แทนที่จะมาบ่นว่าไม่มีเพื่อน ไม่รู้จัก
ใคร สิ่งเหล่านี้สร้างได้ไม่ต้องมีต้นสูง ก็สามารถทาได้
เรื่องแบบนี้มีตัวอย่างมากมายในสังคมที่คนยากจน คนธรรมดา
สามารถร่ารวยได้สร้างชีวิตที่ดีขึ้นมาได้ทาไมคนเหล่านั้นจะทาได้ เขาไม่
รวย เขาเรียนมาน้อย ครอบครัวเขายากจน เขาไม่ค่อยมีเพื่อน ทาไมเขา
สร้างเนื้อสร้างตัว ร่านวย เป็นเศรษฐีขึ้นมาได้ เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า
มีสิ่งที่เราไม่รู้ที่เขาไม่บอกเราหรือเปล่า ว่าเคล็ดลับความสาเร็จนั้นมาจาก
อะไร บางคนจากชาวนาจนๆธรรมดา กลายเป็นคนร่ารวยระดับประเทศ
หรือว่าคุณจะมีข้ออ้างอีก...
ก็เพราะว่า เขาขยันน่ะซิ เขาเลยรวย….
เขาดวงดีได้เจอคนคอยอุปถัมภ์น่ะซิ ถึงรวยได้ขนาดนี้
นั่นไงครับ คนจะอ้าง มันอ้างได้หมดเลยครับ จริงๆแล้วเราสร้าง
มันได้ทุกคนนั่นแหละ มันอยู่ที่คุณต้องการมันจริงๆไหม คุณมีความ
พยายามอยากแค่ไหน คุณมี Passion ที่จะทามันจริงหรือเปล่า หรือว่า
คุณแค่อยากทาตามคนอื่นๆเท่านั้น เห็นคนอื่นเขารวยก็อยากรวยเหมือน
เขา เห็นเขาประสบความสาเร็จ ก็อยากทาได้อย่างเขาบ้าง มีไฟอยู่ไม่กี่วัน
ก็กลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิมเหมือนก่อนๆ ไม่ได้ลุกขึ้นมาทาอะไรใหม่ให้ชีวิต
ดีขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงอะไรเลย
ผมว่า...เราทั้งหลายต้องเลิกอ้างเสียทีว่าคนโน้น คนนี้ ร่ารวยได้
เพราะโน่น นั่น นี่ แล้วเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ว่า เราเองก็รวยได้ มันไม่
เกี่ยวกับบ้านจน เรียนมาน้อย หรือร้อยพันเหตุที่อ้างมา แต่เราเชื่อจริงว่า
เรารวยได้เราสร้างชีวิตให้ดีขึ้นได้เรามีแรงขับเคลื่อนที่มากพอว่า “ทาไม”
เราจึงทามัน เพาะอะไร
ผมเชื่อว่า เราทุกคนสาเร็จ ร่ารวยได้ อยู่ที่เราเชื่อมันหรือเปล่า
เลิกหาข้ออ้างเถอะครับ แล้วมาเรียนรู้วิธีการร่ารวย ประสบความสาเร็จ
และมีความสุขกับชีวิตที่เราจะเป็นคนสร้างมัน
เวลาและเงิน คุณเลือกอะไร
ผมรู้สึกอิจฉาชีวิตของผมในบางครั้ง ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตามผม
มักได้ข้อคิดหรือประสบการณ์ดีๆมาเสมอ ไม่ว่าสถานการณ์จะแย่แค่ไหน
ก็ตาม ถ้าเราคิดว่ามันแย่มันจะแย่สุดๆ แต่หากเรามองหาข้อคิดดีๆจาก
สถานการณ์นั้น เราจะได้อะไรเยอะเลย แทนที่จะมามัวนั่งเศร้าใจหรือ
เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนานเกินไป เอาเวลาไปทาอย่างอื่นที่อยากทา หรือเอา
เวลาไปคิดว่าจะสร้างธุรกิจใหม่ดีกว่าครับ เวลาเป็นสิ่งเดียวที่เราไม่มี
ดังนั้นผมจะยอมแลกอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้เวลามา.....
พบกันบนแผงหนังสือชั้นนาทั่วประเทศเร็วๆนี้กับหนังสือ !!!!
Money Marking Machine เครื่องจักรผลิตเงินอัตโนมัติ
โดย จิรายุ วาณิชวัฒนะโกศล

Mais conteúdo relacionado

Semelhante a ตัวอย่างหนังสือ MONEY MAKING MACHINE พิมพ์เขียวเครื่องผลิตเงินอัตโนมัติสร้างได้ใน 7 วัน

ทำ startup หรือเป็นมนุษย์เงินเดือนดีหนอ? 2016 (Startup or Employee?)
ทำ startup หรือเป็นมนุษย์เงินเดือนดีหนอ? 2016 (Startup or Employee?)ทำ startup หรือเป็นมนุษย์เงินเดือนดีหนอ? 2016 (Startup or Employee?)
ทำ startup หรือเป็นมนุษย์เงินเดือนดีหนอ? 2016 (Startup or Employee?)Paiboon Panusbordee
 
Amway vision
Amway visionAmway vision
Amway visionDave54826
 
Social Media in business practice
Social Media in business practiceSocial Media in business practice
Social Media in business practicePatchara Kerdsiri
 
Ceo Nathpath Chairman
Ceo Nathpath  ChairmanCeo Nathpath  Chairman
Ceo Nathpath ChairmanSaran Yuwanna
 
Email marketing ช่องทางเพิ่มยอดขาย ที่นักการตลาดออนไลน์ไทยมองข้าม
Email marketing ช่องทางเพิ่มยอดขาย ที่นักการตลาดออนไลน์ไทยมองข้ามEmail marketing ช่องทางเพิ่มยอดขาย ที่นักการตลาดออนไลน์ไทยมองข้าม
Email marketing ช่องทางเพิ่มยอดขาย ที่นักการตลาดออนไลน์ไทยมองข้ามWatchara Manisri
 
Convert Time to money
Convert Time to moneyConvert Time to money
Convert Time to moneyPiyaratt R
 
Successful innovation team
Successful innovation teamSuccessful innovation team
Successful innovation teammaruay songtanin
 

Semelhante a ตัวอย่างหนังสือ MONEY MAKING MACHINE พิมพ์เขียวเครื่องผลิตเงินอัตโนมัติสร้างได้ใน 7 วัน (14)

Appreciative Inquiry Research A-Z
Appreciative Inquiry Research A-ZAppreciative Inquiry Research A-Z
Appreciative Inquiry Research A-Z
 
ทำ startup หรือเป็นมนุษย์เงินเดือนดีหนอ? 2016 (Startup or Employee?)
ทำ startup หรือเป็นมนุษย์เงินเดือนดีหนอ? 2016 (Startup or Employee?)ทำ startup หรือเป็นมนุษย์เงินเดือนดีหนอ? 2016 (Startup or Employee?)
ทำ startup หรือเป็นมนุษย์เงินเดือนดีหนอ? 2016 (Startup or Employee?)
 
Amway vision
Amway visionAmway vision
Amway vision
 
Account executive
Account executiveAccount executive
Account executive
 
Social Media in business practice
Social Media in business practiceSocial Media in business practice
Social Media in business practice
 
Built to last
Built to lastBuilt to last
Built to last
 
โครงงาน
โครงงานโครงงาน
โครงงาน
 
4 ปี สุเมธี
4 ปี สุเมธี4 ปี สุเมธี
4 ปี สุเมธี
 
Ceo Nathpath Chairman
Ceo Nathpath  ChairmanCeo Nathpath  Chairman
Ceo Nathpath Chairman
 
Hpon1
Hpon1Hpon1
Hpon1
 
Email marketing ช่องทางเพิ่มยอดขาย ที่นักการตลาดออนไลน์ไทยมองข้าม
Email marketing ช่องทางเพิ่มยอดขาย ที่นักการตลาดออนไลน์ไทยมองข้ามEmail marketing ช่องทางเพิ่มยอดขาย ที่นักการตลาดออนไลน์ไทยมองข้าม
Email marketing ช่องทางเพิ่มยอดขาย ที่นักการตลาดออนไลน์ไทยมองข้าม
 
2560 project
2560 project 2560 project
2560 project
 
Convert Time to money
Convert Time to moneyConvert Time to money
Convert Time to money
 
Successful innovation team
Successful innovation teamSuccessful innovation team
Successful innovation team
 

ตัวอย่างหนังสือ MONEY MAKING MACHINE พิมพ์เขียวเครื่องผลิตเงินอัตโนมัติสร้างได้ใน 7 วัน

  • 3. คำนำ ขณะที่ผมกาลังตรวจต้นฉบับที่เขียนอยู่นี้ ผมกาลังคิดว่า เนื้อหาใน หนังสือเล่มนี้คงจะเป็นประโยชน์สาหรับคนที่ต้องการสร้างธุรกิจ และ กาหนดการใช้ชีวิตในแบบเฉพาะของตัวเองอย่างแน่นอน เพราะกี่ไม่ ชั่วโมงข้างหน้า ผมกาลังจะขึ้นพูดในงานเปิดตัวเครื่องสาอางแบรนด์ใหม่ ของผม ซึ่งเป็นการเริ่มต้นอีกหนึ่งธุรกิจร่วมกับหุ้นส่วนหลายๆคน เป็น การสร้างอีกหนึ่งพิมพ์เขียวสาหรับผลิตเงินให้ผม เชื่อว่าสาหรับคนที่กาลังมองหาช่องทางในการเริ่มต้นทาธุรกิจ หรือกาลังจะเริ่มในเร็ววันนี้ จะได้รับประโยชน์จากหลักคิด วิธีการ และ ความรู้ที่ผมได้เรียนรู้มาจากประสบการณ์ทาธุรกิจของผม ไปปรับใช้งาน ให้ธุรกิจของคุณสามารถเป็นเครื่องจักรที่สร้างเงินได้โดยอัตโนมัติแม้คุณ ไม่ทางาน หรือไม่เข้าไปกากับดูแลอย่างใกล้ชิดก็ตาม นั่นคือเนื้อหาหลักๆของหนังสือเล่มนี้ หลายคนเมื่อเริ่มทาธุรกิจ แล้วธุรกิจสามารถสร้างรายได้แล้ว ก็อยากจะไปทาอย่างอื่นที่ตัวเองอยาก ทา เริ่มต้นธุรกิจใหม่ ดูแลครอบครัว อยู่กับคนที่คุณรัก ท่องเที่ยว หรือ
  • 4. แม้แต่ไปทาในสิ่งที่คุณต้องการหรือใฝ่ฝันเอาไว้ให้สาเร็จ แต่ก็ติดอยู่ที่ว่า กิจการของคุณไม่สามารถดาเนินการต่อไปได้หากไม่มีคุณเข้าไปดูแล กิจการอย่างใกล้ชิดอยู่ตลอดเวลา ปลีกตัวไปทาอย่างอื่นได้ก็ไม่นาน ต้อง กลับมาดูแลกิจการที่คุณสร้างขึ้น การหาคนดีมีฝีมือที่ไว้ใจได้มาช่วยคุณทางานแล้ว ยังมีอีกหลาย เรื่อง หลายมิติที่ผมได้เรียนรู้มาจากการสร้างธุรกิจ แล้วออกจากระบบมา ใช้ชีวิต ให้กิจการรันต่อโดยไม่มีผมอยู่ในทีมบริหารเลย ผมเพียงเข้ามา ดูแลบ้าง บางครั้ง และบางเรื่องที่สาคัญเท่านั้น ผมอยากแบ่งปัน ประสบการณ์ครั้งนี้ให้คุณผู้อ่านได้เรียนรู้ และสามารถนาไปใช้งานได้ สร้างความเปลี่ยนให้ชีวิต ธุรกิจ และการทางานของคุณได้จริงๆ จิรายุ วาณิชวัฒนะโกศล 22:45น. 14 กุมภาพันธ์ 2558 อาคารฟอรั่ม กรุงเทพฯ ก่อนงานเปิดตัว NUDE Cosmetics
  • 6. คาถามที่ผมเคยสงสัยมาตลอดคือ.... ทาไมเราถึงให้คนอื่นมากาหนดว่าเราต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่? ทาไมโบนัสถึงมีแค่ปีละครั้ง และต้องได้เท่านั้น เท่านี้ตามที่ นายจ้างของ เราเป็นคนบอก ทาไมเราต้องเข้างาน 9โมงเช้า เลิกงาน 5โมงเย็น จันทร์- ศุกร์ ทาไมเราต้องทนทางานที่ไม่ชอบ และได้ค่าตอบแทนที่เราคิดว่ามัน ไม่เหมาะสมกับตัวของเรา ยังไม่พอ บางคนถึงขั้นเกลียดงานที่ตัวเองทา อยู่ด้วยซ้าไป สาหรับบางคนที่ผมเคยได้เจอ ได้คุย เป็นแบบนี้กันหลาย คน ชีวิตเป็นของเรา ทาไมต้องให้คนอื่นมากาหนด กฎเกณฑ์มากมาย ให้เราทา ขีดเส้นให้เราเดิน ผมไม่คิดว่ามันไม่ดี หรือดี มันเป็นเพียงความสงสัยว่าอันที่จริง เราสามารถกาหนดเส้นทางของเราได้ด้วยไม่ใช่หรือ? เท่านั้นเอง บางครั้ง บางงาน ที่เราต้องการทามัน มันคืองานที่เรารัก งานที่เราชอบ งานที่เรา ใฝ่ฝันมาตลอดเพื่อได้งานนั้น และมันทาเงินให้เรา เราต้องทาตาม
  • 7. กฎเกณฑ์ที่นายจ้างเป็นคนกาหนด เท่านั้นจึงจะสามารถทางานนั้นได้ผม ไม่ได้มีปัญหากับงานประจา หรือสนับสนุนให้ใครลาออกจากงานประจา แต่สาหรับบางคนที่ผมได้พบ พูดคุย และวิจารณ์งานที่ตัวเองทา อยู่ บ่นเรื่องงาน เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน อาหารกลางวัน แม่บ้าน รปภ. โอ้วว สารพัดเรื่องที่ไม่ดีเกี่ยวกับงานที่ตัวเองทาอยู่ หากเราทุกข์ใจและ เบื่องานที่เราทาขนาดนั้น ทาไมเราไม่มองหาทางเลือกใหม่ๆเพื่อให้เรามี ความสุขมากขึ้น ทางานได้มากขึ้น สร้างรายได้ที่มากขึ้นด้วย ทาไมเราไม่ “ออกแบบชีวิตของเราเอง” ตั้งแต่เด็กๆผมมักคิดอยู่เสมอว่าเราคือคนเราสามารถคิดและใช้ ชีวิตในแบบของเราได้ถ้ามันไม่ทาให้คนรอบข้างในสังคมและครอบครัว เดือดร้อน ทุกสิ่งอย่างในชีวิตของเราเกิดขึ้นได้ด้วยตัวเราเองเป็นส่วน ใหญ่ ไม่มีใครทามาทาให้ชีวิตเราดีขึ้นหรือแย่ลงได้หากเราไม่ยินยอม พร้อมใจ ดังนั้นหลังเรียนจบผมจึงออกแบบชีวิตของผมเอง ผมทาหลาย อย่างที่ช่วยให้ได้ชีวิตที่ผมต้องการ ไลฟ์สไตล์ที่เป็นของผมเอง อยากมี รายได้เท่าไหร่ผมก็กาหนดเป้าหมาย และสร้างมันขึ้นมา อยากไปเที่ยว
  • 8. อยากพักผ่อน อยากอยู่กับครอบครัว ผมฝันและทาได้เพราะผมมี เป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องมีชีวิตในแบบที่ผมต้องการเท่านั้น ผมไม่ยอมให้ ใครมากาหนดให้ผมต้องทาบางอย่างที่ผมไม่อยากทา ไม่แปปปี้ ดังนั้นผมจึงโฟกัสไปที่เรื่องสาคัญ และสร้างผลลัพธ์สูงสุด! หนังสือที่คุณกาลังอ่านอยู่นี้ “พิมพ์เขียวเครื่องผลิตเงินอัตโนมัติ สร้างได้ใน 7วัน” เล่มนี้ ผมพยายามที่จะถ่ายทอดเรื่องราว การออกแบบ พิมพ์เขียวสร้างเงิน การออกแบบชีวิตของผม โดยหวังให้คนมากมายที่ยัง ไม่รู้ว่า เราสามารถออกแบบชีวิตของเราเองได้ถ้าเราต้องการมาก พอ! และจะออกแบบอย่างไร ในหนังสือเล่มนี้คือพิมพ์เขียวจากผมที่คุณ จะได้รู้และผมเชื่อว่าหากคุณจะได้วิธีการจริงๆ คุณจะได้สิ่งนั้นแน่นอน...
  • 9. โอกาสเป็นของคนที่มองหาโอกาส ผมเองเป็นคนจังหวัดแพร่ ชีวิตวัยเด็กโตมาในร้านโชว์ห่วย กิจการของครอบครัว ดังนั้นเรื่องค้าขายไม่ต้องห่วง ผมโดนปลูกฝังให้ รู้จักการขายของและเห็นคุณค่าของเงินมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนเด็กเรียนไม่ เก่ง แต่เรื่องเล่นขอให้บอกครับ มีเพื่อนตั้งแต่ลูกผู้ว่าฯจนกระทั่งลูกคนใน โรงสี พ่อแม่ผมไม่เคยดุด่าเรื่องเรียนไม่เก่งหรือเอาผมไปเปรียบเทียบกับ ลูกใครๆ แต่ท่านจะบอกเสมอว่าให้ตั้งใจเรียน แต่มันก็ไม่ช่วยเรื่องการ เรียนของผมเท่าไหร่นัก ผมยังคงสนุกสนานกับการเล่นและมีกิจกรรม ต่างๆมากมายกับเพื่อนๆ โดยเฉพาะการแกล้งคน ห้าห้าห้า เหมือนผมโชคดีที่ไม่ตั้งใจเรียน เพราะบางเรื่องที่เอาใช้จริงในชีวิต ล้วนมาจากการมีเพื่อน เล่น และคลุกคลีอยู่กับเพื่อนมากกว่า การที่ทาให้ ผมผ่านเรื่องร้ายๆและวิกฤตหลายๆครั้งในชีวิตของผมมาจากทักษะนอก ห้องเรียนเป็นส่วนใหญ่ ผมไม่ได้บอกให้น้องๆที่กาลังเรียนอยู่ ไม่ตั้งใจ เรียน หรือเลิกเรียนกลางคัน น้องๆต้องเรียนครับและตั้งใจด้วยปริญญา และเกรดดีๆเป็นใบเบิกทางให้คุณได้งานดีๆ และมีอนาคตที่ดีได้ง่ายกว่า คนเกรดน้อยอย่างที่ผมเป็นมากครับ
  • 10. โอกาสดีๆมีอยู่ทุกนาทีแต่มันขึ้นอยู่ที่ว่า เรามีความสามารถที่คว้า มันไว้หรือเปล่า เราคู่ควรกับโอกาสที่ได้รับมาแค่ไหน บางคนมองโลกแคบ มีข้ออ้าง ชอบเปรียบเทียบ และปลอบใจตัวเองว่าที่เราไม่มีโอกาสอย่างคน อื่นเขาเพราะโน่น นั่น นี่.... ผมมักได้รับโอกาสดีๆจากผู้ใหญ่ใจดีหลายๆคน จากเพื่อนดีๆ หลา ยค น และ น้องๆที่ดีหลา ย คน ใน ตอนที่ผ มก่ อตั้ง SixpackHome.com ตอนนั้นผมแทบไม่มีเงินทุนในการเริ่มต้นเลย สิ่งที่ ผมตั้งใจในตอนนั้นคือ สร้างเว็บไซต์สอนเล่นกล้ามที่บ้านที่ดีที่สุดให้คนดู ฟรีทั่วโลก ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพด้วยตนเองที่บ้าน ผมเริ่มต้น ทาเอง สอนเอง อัดวีดีโอเองจากที่บ้าน ด้วยหวังให้คนที่ไม่มีเวลา เขาไป ออกกาลังในสถานออกกาลังที่ดีๆ ได้รับข้อมูล วิธีการ เล่นกล้ามที่บ้าน แต่เมื่อsixpackhome.comเริ่มมีผู้ติดตาม มีคนที่มีความรู้เรื่องนั้นๆ ออกมาว่ากล่าวตักเตือน กับข้อมูลของผมที่คลาดเคลื่อนไปจากหลัก วิชาการซึ่งผมก็นามาตรวจสอบและปรากฎว่าผมสอนผิดจริง สิ่งที่ผมต้องทาคือ หาคนที่มีความรู้ว่าช่วยให้ความรู้ แทนตัวผม เองที่ความตั้งใจดี แต่ความรู้ยังไม่แน่นพอ ด้วยตอนนั้นเงินก็ไม่มี แต่
  • 11. อยากได้คนระดับประเทศที่สร้างความน่าเชื่อถือได้ เพราะเป้าหมายผมคือ sixpackhome.com ต้องเป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งของประเทศในเรื่องเล่น กล้าม ผมจาเป็นต้องมีแชมป์เพาะกายระดับเอเชียและระดับโลกมาให้ ข้อมูล และช่วยสอนคนเล่นกล้ามจะสามารถทาได้ที่บ้าน ผ่าน SixpackHome.com นั่นคือหนึ่งโอกาสที่ผมมองเห็น ออกไปตาม หามัน เมื่อมีชื่อเสียงพอสมควรจากความรู้ที่ส่งมอบให้ผู้คนที่ติดตาม รายการทีวีก็ติดต่อเข้ามาให้ไปออกรายการ ตอนนั้นผมจาได้ว่าเป็น รายการ มาโชว์คลิป จากช่อง 7 อยากจะสัมภาษณ์ออกทีวี หลังจากนั้น sixpackhome.com ที่มีรายได้หลักจากการขายอาหารเสริมและอุปกรณ์ เล่นกล้ามก็ขายดีขึ้นทันตา และยังไม่หมด ยังมีอีกหลายรายการโทรทัศน์ ที่ติดต่อเข้ามา เพราะจากเนื้อหาจากมืออาชีพด้านนั้นๆ ใน Sixpackhome.com ทาให้โอกาสมาถึง ผมคว้ามันไว้ทามันอย่างคู่ควร ช่วยให้ธุรกิจผมเติบโตอย่างมากในเวลาต่อมา ผมจะบอกว่า จงสร้างคุณค่าให้ผู้คน จงมีทักษะในการแก้ปัญหา ให้คนอื่น จงสร้างความเป็นตัวเองให้โดดเด่นและแตกต่างจากคนอื่นอย่าง
  • 12. สร้างสรรค์ วิ่งหาโอกาส หาทุกความเป็นไปได้ที่จะได้มีโอกาสแสดง ความสามารถและเจตนาที่ดีของคุณให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาคนอื่น ไม่ ว่าคุณจะทาอะไรก็ตาม โอกาสอื่นๆที่เข้ามาคุณจะสามารถจับมันไว้ได้จน บ้างทีอาจต้องเลือกที่จะปล่อยบ้างโอกาสที่มันมีความสาคัญน้อยกว่าไป เพราะเวลาและทรัพย์กรของเรามีไม่พอ โอกาสสร้างได้ด้วยตัวคุณเอง
  • 13. คนรวยทาไมยิ่งรวยขึ้น เคยสงสัยกันไหมว่าคนอยากรวยทาไมยิ่งทางาน ยิ่งขยันแต่ก็ยัง ไม่รวย และทาไมคนรวยหยิบจับอะไรนิด อะไรหน่อยก็กลายเป็นเงินเป็น ทองไปเสียหมดทุกอย่าง อะไรคือความแตกต่างนั้น และหากเรายังจน หรือยังไม่รวย เราสามารถเป็นคนรวยเหมือเศรษฐีหลายๆคนในเมืองไทย ได้หรือไม่ จากประสบการณ์การได้คลุกคลีอยู่กับคนฐานะที่แตกต่างกัน หลายๆคน เพราะผมมีเพื่อนหลากหลายกลุ่ม มีหลายข้อที่คนรวย แตกต่างจากคนอยากรวย 1.คนรวยรอเป็น (ลงทุนระยะยาว) ยิ่งคิดสั้น ยิ่งจน คุณลองทาความเข้าใจกับความหมายนี้ให้ดี คุณ จะเห็นได้ถึงความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนอยากรวยชัดเจนในเรื่อง ของความคิด จริงอยู่ที่คนทั่วๆไปต้องคิดเรื่องปากท้องในทุกวัน แต่หาก เรามองที่พื้นฐานจริงๆเราจะเห็นกระบวนการคิดที่ยาว และน่าสนใจ คนรวยจะวางแผนต่อยอดความคิดที่ยาวไกล ในการลงมือ กระทาสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตาม จะมีการวางเป้าหมายชัดเจน และมีเส้นทางเดิน
  • 14. ที่แน่วแน่ (แต่สามารถปรับเปลี่ยนได้หากเจอวิธีการที่ดีกว่า ง่ายกว่า เร็ว กว่า แต่เป้าหมายไม่เปลี่ยน) ส่วนคนทั่วไปนั้นมักจะวางแผนเรื่องอนาคตไว้ในระยะเวลาอันสั้น วันต่อวัน หรือต่อเดือน แต่ในทางตรงกันข้ามคนรวยจะคิดยาว ยาวถึงขั้น ที่สุดแล้วproject ที่กาลังจะเริ่มทาภาพสุดท้ายจะเป็นอย่างไรทั้งเหตุการณ์ ที่ดีที่สุดและแย่ที่สุด คนรวยจึงจะเริ่มลงมือทา ในขณะที่คนอยากคิดคิด แต่เฉพาะสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คนรวยจึงแตกต่างตรงที่มีเป้าหมายชัดเจน คิด ยาวและมีพลังมหาศาล อดออมและรอคอย จนทาให้เงินงอกเงยแบบ เหลือกินเหลือใช้ 2.คนรวยชอบพูดคุยกันเรื่องไอเดีย(ธุรกิจ) คนเราส่วนใหญ่สนใจแต่เรื่องคนอื่น เรื่องที่ไม่มีผลกระทบกับ ตัวเองเลย แต่ก็ไม่ได้หมายถึงว่าคนรวยไม่พูดเรื่องคนอื่น แค่คนรวยจะ พูดถึงเรื่องของคนอื่นน้อยกว่า และเรื่องที่อยู่ในวงสนทนามักจะเป็นการ พูดคุยเรื่องไอเดียการทาเงิน แนวความคิดดีๆ หรือมีมุมมองแปลกใหม่
  • 15. มากกว่าที่จะ “ซุบซิบนินทา” จนเป็นนิสัยจนทาให้ลืมไปว่าเวลาเหล่านั้น หากนามาต่อยอดความคิดใหม่ๆน่าจะดีกว่า ไอเดียเพียงเล็กน้อย ช่องว่างทาการตลาดบางอย่าง คิดได้ทา เลย ไม่มีการรีรอ และไอเดียเหล่านั้นเขามักจะนาไปบอกคนอื่นเพื่อ ต้องการรับฟังมุมมองจากคนนอก จากนั้นก็มาวิเคราะห์ด้วยตัวเองแล้ว ตัดสินใจทาด้วยวิธีการเฉพาะตัว 3.คนรวยยอมรับความเปลี่ยนและมองหาโอกาส เมื่อมีสิ่งใหม่ๆเกิดขึ้นเราจะสังเกตได้ง่ายว่ากลุ่มของคนอยากรวย มักจะไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง และคิดว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นจะ มาทาให้ชีวิตมีภาระเพิ่มมากขึ้น จะมาคุกคามชีวิตความเป็นอยู่ที่ตนเอง เคยชิน ในขณะที่คนรวยนั้นกลับคิดว่าการเปลี่ยนแปลงนั้น อาจพาสิ่ง ใหม่ๆที่ดีกว่ามาสู่พวกเขา คนรวยจะมองว่าในการเปลี่ยนแปลงนั้น มี โอกาสใหม่ๆเสมอซึ่งเหตุผลในข้อนี้น่าจะมาจากการที่คนรวยมีความมั่นใจ ในตนเองที่สูงกว่า กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองมากกว่า เลยทาให้เขา เหล่านั้นได้พบเจอโอกาสใหม่ๆมากกว่า
  • 16. 4.คนรวยเสี่ยงถูกทาง คนรวยจะให้ความสาคัญกับที่มาที่ไปของรายได้ที่จะได้มาจาก ธุรกิจต่างๆที่จะลงมือทาหรือเข้าไปลงทุน จะดูความสมเหตุสมผล ความ เสี่ยงและความน่าจะเป็น อย่างละเอียดที่สุดเท่าที่เวลาเป็นความรู้จะ เอื้ออานวยในขณะนั้น 5.คนรวยเรียนรู้ตลอดชีวิต นิสัยการเรียนรู้แบบไม่มีวันจบนับได้ว่าเป็นเป็นหัวใจของเศรษฐี จริงๆ เราจะเห็นได้จากชีวิตจริงว่าความรู้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นหลังจากที่เรา เรียนจบจากโรงเรียนและสามารถนาไปใช้ได้จริงๆซึ่งตรงจุดนี้ คนรวยจึง มีนิสัยรักการอ่านหรือการหาความรู้ต่อไปอย่างสม่าเสมอ ไม่ว่าความรู้นั้น จะมาจากหนังสือ สัมมนา รายงานโทรทัศน์ หรือแม้แต่การพบปะพูดคุย กับผู้รู้ทั้งหลาย เพื่อนาไปต่อยอดสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง โดยไม่ เกียงว่าความรู้นั้นต้องจ่ายถูกแพง หรือต้องใช้เวลาในการศึกษเรียนรู้มาก แค่ไหน หากมันคือความรู้ที่สามารถนาไปสร้างธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนที่ คุ้มค่ากว่าเวลาและเงินที่จ่ายออกไป
  • 17. 6.คนรวยทางานต่อยอด เราจะสังเกตเห็นว่าที่จะรวยได้นั้นมักจะนาเงินที่ได้มาจากการ ทางานไปต่อยอดในการสร้างเม็ดเงินให้เพิ่มขึ้น เขาจะหาลู่ทางที่แปลกใหม่ เพื่อให้เงินที่มีอยู่ไม่ใช่เงินตาย เงินตายหมายถึงเงินที่เราเอามาเก็บไว้เฉยๆ สิ่งที่สาคัญที่สุด คนรวยชอบมักจะตั้งคาถามที่เป็นบวกและสร้าง กาลังใจให้ตนเองตลอดเวลา ในขณะที่คนทั่วไป ชอบตั้งคาถามที่เป็นลบ และเสียกาลังใจแก่ตนเอง เช่น จะหาเงินมาจ่ายหนี้ค่าบัตรเครดิตเดือนนี้ ได้พออย่างไรนะ เดือนนี้จะเอาค่าบ้านที่ไหน เป็นต้น ในแนวคิดวิธีคิดที่แตกต่าง สามารถนามาซึ่งวิถีแห่งความมั่งมีได้ ก่อนที่จะร่ารวยเงินทอง ต้องร่ารวยความคิดดีๆ เพื่อเป็นวัตถุดิบในการ กระทา
  • 18. ความเข้าใจผิดเรื่องเงิน มีหลายประโยคที่เรามักจะได้ยินอยู่บ่อยๆก็คือ มีเงินมากจะไม่ดี , มีเงินแล้วไม่มีความสุข, เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้, เงินไม่ใช่สิ่งสาคัญ คน รวยเป็นคนที่โกงเขามา ฯลฯ หลากแนวคิดต่างๆเหล่านี้พยายามจะทาให้เห็นว่า เงินไม่ใช่สิ่ง สาคัญ แต่ในความเป็นจริง หากคุณเปิดใจมองโลกให้กว้างขึ้น มองใน มุมของความเป็นจริงมากขึ้น คุณจะเห็นว่านอกเหนือจากปัจจัย 4 คือ อาหาร, เครื่องนุ่งห่ม, ยารักษาโรค , และที่อยู่ อาศัยแล้ว เงินคือสิ่งที่ สามารถแลกปัจจัยที่จาเป็นการใช้ชีวิตขิงผู้คนในยุคนี้ได้ แน่นอนว่าเรา อาจจะใช้สิ่งของที่ตัวเองมีแลก กับปัจจัยที่คุณต้องการ แต่มันก็ถูกตีเป็น ราคาค่าเงินอยู่ดี เรามักถูกทาให้เชื่อว่า “เงินไม่ดี” อยู่เสมอมา ไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อมก็ตามที ในละครทีวีที่เราดูกันตอนเย็นๆ กี่เรื่องต่อกี่เรื่องก็ พูดเรื่องคนรวย คนมีเงินในแง่ที่ไม่ดี เป็นคนเลว ได้เงินจากการคดโกง ฉ้อฉลมาทั้งสิ้นหรือแม้แต่ข่าวหนังสือพิมพ์ที่มักนาเสนอข่าวของคนรวยที่
  • 19. ก่ออาชญากรรม ทาเลว เมาแล้วขับ ชนแล้วหนี สารพัดเรื่องเลวๆที่เราได้ เห็นอยู่ประจา ทาให้เรามองภาพคนรวย และเหมาเอาทั้งหมดว่าคนรวย นั้นเลว เราอาจจะไม่ได้พูดหรือแสดงความคิด ความเห็นออกมา แต่ลึกๆ เราก็อดเห็นด้วยว่า “คนรวย ไมดี” “เงินไม่ดี” ผมเองก็เคยรู้สึกอย่างนั้น เหมือนกัน แต่เมื่อผมโตขึ้น ผมเพิ่งรู้ว่า “ผมเข้าใจผิด” เงินไม่ใช่ไม่ดี คน ต่างหากที่ไม่ดี เงินเป็นแค่วัตถุมันจะทาอะไรได้ เงินแค่ช่วยสนับสนุนให้ เราเป็นตัวของเราเองมากขึ้นเท่านั้น หากคุณเลวเมื่อมีเงิน คุณก็จะ สามารถทาเลวได้อย่างเต็มที่ แต่หากคุณเป็นคนดี เงินก็ช่วยสนับสนุนให้ คุณทาดีได้มากขึ้น ช่วยเหลือผู้คนได้มากขึ้น นั่นเอง นั่นคือสิ่งที่ผมได้ เรียนรู้หลังจากที่ได้เจอทั้งคนดีและคนรวย ที่มีฐานะร่ารวยพอๆกัน แต่ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง บางคนอาจจะเห็นต่างจากผม บางครั้ง “เงินทาให้คนเปลี่ยนไป ตอนยังไม่รวยก็เป็นคนดีอยู่หรอกนะ แต่พอมีเงินเข้าหน่อยก็เปลี่ยนเป็น คนละคน” ผมว่าโดยเนื้อแท้แล้วเขาคงไม่ใช่คนดีซักเท่าไหร่ ตอนยังจน
  • 20. ก็ทาเลวเป็นคนชั่วอยู่แล้ว แต่ว่าคนอาจจะไม่เห็น เมื่อเมื่อมีเงิน มีทอง ร่ารวยขึ้นมาแล้ว ความชั่ว ความเลวก็เลยแสดงออกมาชัดเจนมากขึ้น โดยสรุปเลวหากเอาฐานะทางการเงินมาเปรียบเทียบกับ พฤติกรรมแล้ว คนเราแบ่งอกได้เป็น คนจนที่ดี คนจนที่เลว คนฐานะปานกลางที่ดี คนฐานะปานกลางที่เลว คนรวยที่ดี และคนรวยที่เลว ผมคงไม่เปรียบเทียบอย่างนี้ หากผมไม่ได้ออกไปพบเจอผู้คน มากมาย รู้จักเพื่อน ร่วมงานกับหลายๆคน ทั้งคนดี และไม่ดีปะปนกัน ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องเงินทาให้หลายคนหาคามาปลอบใจตัวเองว่า “เราไม่จาเป็นต้องรวยหรือประสบความสาเร็จหรอก มีเงินก็ไม่มีความสุข มีเงินก็กลายเป็นคนเลว อยู่อย่างนี้ดีแล้ว พออยู่ พอกิน ไม่ต้องมีเงิน เยอะ” ผมเองเป็นคนที่หาเงินมาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ด้วยเพราะเกิดมาใน ครอบครัวคนค้าขาย ที่ให้ความสาคัญกับการเงินทามาหาเงิน หาเงินหา
  • 21. ทอง อย่างสุจริตชน ไม่คด ไม่โกงใครมา และยิ่งโตมาผมได้มาทาธุรกิจ ของตัวเอง ผมยิ่งเข้าใจมากขึ้นเลยว่า ทาไมคนรวยถึงรวยขึ้นๆ คนจนก็ จนลงๆ ความคิดที่แตกต่าง การลงมือทาที่แตกต่างระหว่างคน 2แบบนี้ ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่ได้ห้ามคุณให้ใช้ชีวิตอย่างสมถะหรอกนะครับ หากคุณมี ชีวิตที่พอเพียงมันก็ดี แต่ความรวยหรือการมีเงินทองมากๆก็ไม่ได้ หมายความว่าเราเป็นคนไม่ดี หรือไม่มีความพอเพียง แต่หากการ เพียงพอคือความสามารถในการดูแลตัวเองและคนรอบข้างได้โดยไม่ไป เบียดเบียนคนอื่น หรือโกงใครมา ทางานทาธุรกิจโดยสุจริต หาเงินและมี รายได้ที่เป็น Happy money คนเราก็น่าจะสมควรที่จะรวยได้ไม่ใช่หรือ ได้ใช้ชีวิตที่ดี มีปัจจัยที่ครบถ้วน มีความเป็นอยู่ที่มีคุณภาพมากขึ้น และ ยังเผื่อแผ่ไปยังคนที่อยู่ใกล้ๆญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงที่ได้รับความเดือดร้อน ขึ้นมา หากเราไม่มีเงินที่มากพอ เราก็ไม่สามารถช่วยเหลือใครได้มากหรือ ช่วยได้เต็มที่เท่าที่ใจต้องการได้ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ไม่ต้อง กังวลเรื่องเงิน
  • 22. อย่าให้ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องเงินมาเป็นอุปสรรคให้คุณไม่ กล้า หรือมีความต้องการจริงๆที่จะประสบความสาเร็จในชีวิต หน้าที่การ งาน หรือการทาธุรกิจของคุณได้ เชื่อเถอะครับว่า หากคนในครอบครัว ของคุณล้มป่วยขึ้นมาและต้องการการรักษาอย่างทันท่วงที แต่รัฐก็ไม่ สามารถออกค่าใช้จ่ายเหล่านั้นให้คุณได้เพียงพอ คุณจะรู้ได้ทันทีว่า “เงิน นั้นโครตสาคัญ” และจาเป็นมากๆ อย่ารอให้ถึงตอนนั้นเลยครับ มาสร้าง เนื้อสร้างตัว ยกฐานะตัวเองตั้งแต่เนิ่นๆกันดีกว่า คนที่ประสบความสาเร็จหลายๆคนมักออกมาให้ทัศนะเกี่ยวกับ เรื่องเงินไว้มากมายและน่าสนใจทั้งสิ้น แนวคิดเหล่านี้แหละที่ผมนามา ปรับใช้กับความคิดของผม เราต่างเรียนรู้เพื่อทาธุรกิจ โดยมองข้ามไปว่า “ในเมื่อเราต้องการเงิน ทาไมเราไม่เรียนรู้วิธีหาเงิน” เออนั่นซินะ! คนเราก็ไม่ได้รู้อะไรทุกอย่าง มักเข้าใจผิดจากที่สิ่งที่รู้มา เงินเป็น แค่วัตถุเป็นเครื่องมือให้เราทาในสิ่งที่เราอยากทาเท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวกับดี- เลว หากคุณเป็นคนดี หาเงินเก่ง ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมา ตราหน้าคุณว่า เลว สิ่งที่คุณทาทั้งตอนที่ยังไม่มีเงินกับตอนที่รวยแล้วต่างหาก ที่บ่งบอก
  • 24. สร้างพิมพ์เขียวเครื่องจักรผลิตเงินให้ตัวเอง “บ้านยังต้องมีพิมพ์เขียวในการก่อสร้าง และทาไมธุรกิจจึงไม่มี พิมพ์เขียวเป็นแม่แบบสาหรับสร้างธุรกิจ….” ตึกรามบ้านช่องที่คุณเห็นเจริญหูเจริญตาอยู่ทุกวันนี้เกิดขึ้นมา จากแบบแปลนก่อสร้างที่ถูกออกแบบมาอย่างดี ส่วนประกอบสวยงาม สถาปัตยกรรมที่มองเห็นจากภายนอกหรือการตกแต่งภายในที่สวยงาม ล้วนแล้วแต่ถูกออกแบบมาก่อนแล้ว เรียกว่า “แบบแปลนอาคาร” หาก เป็นบ้านก็เรียกแบบแปลนบ้าน เป็นสิ่งที่บอกรายละเอียดภาพกว้างและ รายละเอียดปลีกย่อยต่างๆของบ้านเอาไว้ครบถ้วนก่อนทาการก่อสร้าง สิ่ง ที่เรียกว่าแปลนบ้านนี่แหละคือ “พิมพ์เขียว” ของบ้าน หากเปรียบการธุรกิจแล้วทาไมเราจึงไม่มี “พิมพ์เขียวสาหรับ ดาเนินธุรกิจ” ก่อร่างสร้างธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย ทาซี้ซั้วธุรกิจอาจจะเจ้งได้ เหมือนกับตึกที่ก่อสร้างไม่ได้ตามแบบแปลน ตามมาตรฐาน การ ดาเนินการทุกอย่างเอาความรู้สึกและอารมณ์ การคาดคะเนเอาเองโดยไม่ มีหลักวิชาการเลย อาจจะสร้างได้นะ แต่อาคารนั้นจะใช้งานได้ไหมก็อีก
  • 25. เรื่องหนึ่ง ความสวยงามได้รูปทรงก็คงไม่ต้องพูดถึงเพราะคาดคะเนเอา เอง ส่วนเรื่องการใช้เปิดใช้งานอาคารนั้นๆ และใช้งานได้นานแค่ไหน วันไหนจะพังลงมาทับคนที่อยู่อาศัยก็ไม่รู้ รู้แบบนี้แล้วคุณจะอยู่กล้าอยู่ ในอาคารแบบนี้หรือไม่ เป็นผมคงไม่อยากอยู่หรอกครับ เช่นเดียวกับกับธุรกิจ หากคุณมีความตั้งใจดี มีความฝัน มีความ กระตือรือร้นอย่างมาก แต่ขาดซึ่ง “พิมพ์เขียว” ที่เป็นแม่แบบในการทา ธุรกิจ ความสาเร็จในการดาเนินธุรกิจคงจะเป็นเรื่องที่ยากพอสมควร หรือ ธุรกิจนั้นๆจะยั่งยืนเติบโตได้ไม่เต็มที่นัก สาหรับผมแล้ว “พิมพ์เขียว” ที่ ผมใช้ ช่วยให้ผมเห็นภาพกว้างของธุรกิจ รวมทั้งรายละเอียดปลีกย่อย ของแต่ละส่วนในธุรกิจของผมอย่างชัดเจน รู้ว่าส่วนไหนสาคัญ ส่วนไหน เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจของผม เปรียบกับแปลนบ้านก็เหมือนคุณรู้จักว่า ส่วนต่างๆในบ้านของคุณอยู่ตรงไหน ห้องรับแขก หัวครัว ห้องนอน ห้องน้า ระเบียงหน้าบ้าน โดยที่คุณสามารถจินตนาการออกได้ว่าเป็น อย่างไร และต้องสร้างส่วนไหนก่อนหลัง จาก “พิมพ์เขียว” และสามารถ ตรวจสอบการก่อสร้างในทุกขั้นตอนในระหว่างการก่อสร้างว่าถูกต้อง
  • 26. หรือไม่ หากผิดไปจากแบบก่อสร้างไม่ตรงตามแบบ อาจส่งผลกระทบใน อนาคต คุณสามารถสั่งให้แก้ไขได้ทันท่วงที ธุรกิจก็เช่นเดียวกันครับ หากคุณมี “พิมพ์เขียวในการทาธุรกิจ” คุณจะมองภาพออกว่าธุรกิจขึ้นเมื่อสร้างเสร็จแล้วหน้าตาจะออกมายังไง ตรงไหนที่คุณต้องทาก่อน ตรงไหนต้องให้ความสาคัญอย่างมาก หากม ปัญหาหรือความผิดพลาดเกิดขึ้น คุณสามารถเข้าไปแก้ปัญหาได้ทันที เพราะคุณมีพิมพ์เขียวการทาธุรกิจอยู่ในมือ หนังสือเล่มนี้เป็นพิมพ์เขียวที่ ผมมีและผมอยากแบ่งปันพิมพ์เขียวของผมให้คุณได้เอาไปใช้กับการทา ธุรกิจของคุณบ้าง อย่างน้อยคุณก็จะได้มีแม่แบบ แบบแปลนในการทา ธุรกิจอยู่ในมือ ธุรกิจของคุณจะได้ก่อร่างสร้างตัว เป็นรูปเป็นร่างอย่าง ชัดเจนและเป็นขึ้นเป็นตอนมากขึ้นนั่นเอง มาสร้าง “พิมพ์เขียวเครื่องผลิตเงินอัตโนมัติ” กันเถอะ!
  • 28. ทุกครั้งที่ผมออกไปพูด บรรยาย ในสัมมนาต่างๆ เพื่อแบ่งปัน ความรู้และประสบการณ์ สิ่งหนึ่งที่คนมักเข้ามาถามและพูดคุยกับผมคือ ความกลัวเรื่อง “ต้นทุนชีวิตต่า” เขาเป็นคนแบบนี้ ฐานะไม่ค่อยดี เรียน มาน้อย จะมีโอกาสประสบความสาเร็จอย่างคนอื่นบ้างไหม? และคาถาม ในโทนเดียวกันนี่แหละที่ผมได้รับฟังบ่อยๆ สิ่งที่ผมทาได้คือตอบสั้นๆว่า “ทาได้แน่นอนครับ” เพราะผมเชื่อว่า ทุกคนสามารถประสบความสาเร็จ ตามที่ตัวเองต้องการได้ หากเขามีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ไม่ยอมแพ้อะไร ง่ายๆ ไม่ท้อถอย ไม่ล้มเลิกไปเสียก่อน แม้ไม่ประสบความสาเร็จในเร็ว วันนี้ แต่สิ่งที่ได้ลงมือทามานั้นจะเป็นประสบการณ์สอนคุณว่า สิ่งไหน ควรทา สิ่งไหนไม่ควรทา โอกาสประสบความสาเร็จก็มีมากขึ้น ความคิดเรื่อง “ไม่ใช่คนรวย โอกาสสาเร็จยาก” ไม่ใช่สิ่งที่ผิด หรอกครับ เพราะบางครั้งเราเติบโต หรือมีชีวิตกับคนที่ไม่ค่อยประสบ ความสาเร็จ หรือคนธรรมดาบ้านๆ ดังนั้น ความคิดหรือการรับรู้ของเราก็ จะโอนเอียงไปตามความคิดเหล่านั้นด้วย เหมือนที่เขาพูดๆกันว่า “คุณคือ ค่าเฉลี่ยของคนที่อยู่รอบๆตัวคุณ” คนที่คุณอยู่ใกล้ คนที่คุณใช้ชีวิต พบปะ พูดคุย อยู่เป็นประจาเป็นอย่างไร ความคิดและการกระทาของคุณ
  • 29. ก็จะมีแนวโน้มจะเป็นคนแบบนั้นด้วย หรือไม่ก็เห็นดี เห็นงาม กับ ความคิดนั้นๆอยู่ไม่น้อย ดังนั้น ความเชื่อเหล่านั้นจึงอยู่ในจิตสานึกของ คุณแบบแน่นหนึบ แกะไม่ออก ไม่ว่าคุณจะทาอะไร ความกลัวลึกๆในใจ จะบอกคุณเสมอว่า เราจน เราเรียนน้อย เพื่อนเราไม่รวย เราไม่มีทาง สาเร็จความสาเร็จได้หรอก เมื่อความคิดนาทาง และคอยตอกย้าอยู่เสมอ ทาให้การกระทา ต่างๆในชีวิตประจาวันของคุณส่งผลกับความสาเร็จที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วย แล้วยิ่งคุณไม่สามารถทาสิ่งหนึ่ง สิ่งใดได้สาเร็จ คุณก็จะหาข้ออ้างมา ปลอบใจตัวเองได้เสมอว่า ที่เราทาไม่ได้ก็เพราะเรามันจน เรียนมาน้อย Connection เราไม่ดีพอ หรืออื่นๆอีกมากมายที่เอามาปลอบใจตัวเองทุก ครั้งที่ทาอะไรแล้วล้มเหลวไม่เป็นท่า ผมมักถูกมองว่าที่ผมสาเร็จหรือมีชีวิตแบบนี้ได้ก็เพราะ “บ้าน รวย” พื้นฐานครอบครัวดี มีคนคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะทา อะไรก็มีคนคอยสนับสนุนอยู่เสมอ ลองมาจนแบบผมดูซิ ถ้าเรียนมาน้อย อย่างผมดูซิ ลองมีเพื่อนน้อย ไม่มี Connection อย่างผมซิ! จะประสบ ความสาเร็จได้ไหม?
  • 30. เหมือนคุณจะบอกเหตุผลผมแล้วว่าทาไมคุณจึงย่าอยู่ที่เดิม ไม่ ไปไหน ไม่สามารถสร้างอะไรได้เป็นชิ้น เป็นอัน ไม่สามารถยกระดับ ความสุข ความรวย หรือชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองได้ ผมถามว่า ใน เมื่อคุณรู้ทั้งหมดแล้ว ทาไมคุณไม่แก้ไขมันล่ะ คุณ ทาไมคุณถึงปล่อยให้ คนอื่นประสบความสาเร็จได้ ทาไมไม่เป็นคุณ ทาไมคุณไม่คู่ควรกับ ความสาเร็จ ถ้าจะให้ยกเหตุผลมาประกอบความล้มเหลว ผมว่ามีเป็นร้อยเป็น พันเหตุผลแหละครับ ผมว่า...ผมอยากประสบความสาเร็จมากกว่า หาเหตุผลเหล่านั้น ผมอยากมีชีวิตที่ผมต้องการ ผมอยากยกระดับความเป็นอยู่ของ ครอบครัว ผมอยากมีเวลาอยู่กับคนที่ผมรัก ดังนั้นผมจะไม่อ้าง ผมจะลง มือทา หาวิธีการ หาคนมาช่วยผมให้ผมประสบความสาเร็จให้ได้ ผมจะ เข้าหาคนอื่นๆเพื่อเพิ่ม Connection แทนที่จะมาบ่นว่าไม่มีเพื่อน ไม่รู้จัก ใคร สิ่งเหล่านี้สร้างได้ไม่ต้องมีต้นสูง ก็สามารถทาได้
  • 31. เรื่องแบบนี้มีตัวอย่างมากมายในสังคมที่คนยากจน คนธรรมดา สามารถร่ารวยได้สร้างชีวิตที่ดีขึ้นมาได้ทาไมคนเหล่านั้นจะทาได้ เขาไม่ รวย เขาเรียนมาน้อย ครอบครัวเขายากจน เขาไม่ค่อยมีเพื่อน ทาไมเขา สร้างเนื้อสร้างตัว ร่านวย เป็นเศรษฐีขึ้นมาได้ เราพลาดอะไรไปหรือเปล่า มีสิ่งที่เราไม่รู้ที่เขาไม่บอกเราหรือเปล่า ว่าเคล็ดลับความสาเร็จนั้นมาจาก อะไร บางคนจากชาวนาจนๆธรรมดา กลายเป็นคนร่ารวยระดับประเทศ หรือว่าคุณจะมีข้ออ้างอีก... ก็เพราะว่า เขาขยันน่ะซิ เขาเลยรวย…. เขาดวงดีได้เจอคนคอยอุปถัมภ์น่ะซิ ถึงรวยได้ขนาดนี้ นั่นไงครับ คนจะอ้าง มันอ้างได้หมดเลยครับ จริงๆแล้วเราสร้าง มันได้ทุกคนนั่นแหละ มันอยู่ที่คุณต้องการมันจริงๆไหม คุณมีความ พยายามอยากแค่ไหน คุณมี Passion ที่จะทามันจริงหรือเปล่า หรือว่า คุณแค่อยากทาตามคนอื่นๆเท่านั้น เห็นคนอื่นเขารวยก็อยากรวยเหมือน เขา เห็นเขาประสบความสาเร็จ ก็อยากทาได้อย่างเขาบ้าง มีไฟอยู่ไม่กี่วัน
  • 32. ก็กลับไปใช้ชีวิตอย่างเดิมเหมือนก่อนๆ ไม่ได้ลุกขึ้นมาทาอะไรใหม่ให้ชีวิต ดีขึ้น หรือเปลี่ยนแปลงอะไรเลย ผมว่า...เราทั้งหลายต้องเลิกอ้างเสียทีว่าคนโน้น คนนี้ ร่ารวยได้ เพราะโน่น นั่น นี่ แล้วเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ว่า เราเองก็รวยได้ มันไม่ เกี่ยวกับบ้านจน เรียนมาน้อย หรือร้อยพันเหตุที่อ้างมา แต่เราเชื่อจริงว่า เรารวยได้เราสร้างชีวิตให้ดีขึ้นได้เรามีแรงขับเคลื่อนที่มากพอว่า “ทาไม” เราจึงทามัน เพาะอะไร ผมเชื่อว่า เราทุกคนสาเร็จ ร่ารวยได้ อยู่ที่เราเชื่อมันหรือเปล่า เลิกหาข้ออ้างเถอะครับ แล้วมาเรียนรู้วิธีการร่ารวย ประสบความสาเร็จ และมีความสุขกับชีวิตที่เราจะเป็นคนสร้างมัน
  • 33. เวลาและเงิน คุณเลือกอะไร ผมรู้สึกอิจฉาชีวิตของผมในบางครั้ง ไม่ว่าจะตอนไหนก็ตามผม มักได้ข้อคิดหรือประสบการณ์ดีๆมาเสมอ ไม่ว่าสถานการณ์จะแย่แค่ไหน ก็ตาม ถ้าเราคิดว่ามันแย่มันจะแย่สุดๆ แต่หากเรามองหาข้อคิดดีๆจาก สถานการณ์นั้น เราจะได้อะไรเยอะเลย แทนที่จะมามัวนั่งเศร้าใจหรือ เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นนานเกินไป เอาเวลาไปทาอย่างอื่นที่อยากทา หรือเอา เวลาไปคิดว่าจะสร้างธุรกิจใหม่ดีกว่าครับ เวลาเป็นสิ่งเดียวที่เราไม่มี ดังนั้นผมจะยอมแลกอะไรบางอย่างเพื่อให้ได้เวลามา..... พบกันบนแผงหนังสือชั้นนาทั่วประเทศเร็วๆนี้กับหนังสือ !!!! Money Marking Machine เครื่องจักรผลิตเงินอัตโนมัติ โดย จิรายุ วาณิชวัฒนะโกศล