Mais conteúdo relacionado Semelhante a การวัดผลและประเมินผลสื่อ (Media Evaluation : Ch 8) (20) Mais de Mahasarakham Business School, Mahasarakham University (20) การวัดผลและประเมินผลสื่อ (Media Evaluation : Ch 8)1. Media Evaluation & Control
การวัดผลและประเมินผลสื่อ
Watjana Poopanee
Mahasarakham Business School
Mahasarakham University
E-mail : watjana.p@acc.msu.ac.th
1
2. การวัดค่ าประสิทธิภาพและประสิทธิผลของสื่อ
การวัดค่ าประสิทธิภาพ (Effectiveness) หมายถึง การวัดผลสาเร็ จที่ได้ รับในการ
วางแผนสื่อโฆษณา เช่น ในการวางแผนสื่อโฆษณาตามงบประมาณจานวน 16 ล้ านบาท
ได้ รับผลสาเร็ จคือ สามารถจะเข้ าถึงกลุ่มเปาหมาย (Reach) คิดเป็ นร้ อยละ 80 ซึ่งคิดเป็ น
้
กลุ่มเปาหมายที่เห็นรายการ (TV Audiences) จานวน 24,066,254 คน และกลุ่มเปาหมาย
้ ้
แต่ละคนจะเห็นรายการที่ออกอากาศทังหมดจานวน 124 ครัง เฉลี่ยคนละ 3.14 ครั ง
้ ้ ้
(Frequency) เป็ นต้ น
การวัดค่ าประสิทธิผล (Efficiency) หมายถึง การวัดค่าความประหยัดของการ
วางแผนสื่อโฆษณานันว่าคุ้มค่ากับเงินงบประมาณหรื อไม่ เช่น ในการวางแผนสื่อโฆษณา
้
ตามงบประมาณจานวน 16 ล้ านบาท จะเสียค่าใช้ จ่ายต่อ 1 ค่าความนิยม (Cost per
Rating) คิดเป็ นเงิน 12,304.02 บาท และค่าใช้ จ่ายต่อ 1,000 คน (Cost per thousand) คิด
เป็ นเงิน 4,203.01 บาท เป็ นต้ น
2
3. การวัดค่ าประสิทธิภาพและประสิทธิผลของสื่อ
- ในการวัดค่าประสิทธิภาพ (Effectiveness) หากค่าที่ได้ รับอยู่ในเกณฑ์ที่สง แสดง
ู
ว่าการวางแผนครังนี ้ดีมีประสิทธิภาพสูง มีกลุมเปาหมายที่เห็นโฆษณาจานวนมาก
้ ่ ้
- ส่วนการวัดค่าประสิทธิผล (Efficiency) นัน หากค่าที่ได้ รับอยู่ในเกณฑ์ที่ต่า แสดง
้
ว่าการวางแผนครังนี ้ประหยัดคุ้มค่าเงินงบประมาณ แต่ผ้ วางแผนสื่อโฆษณาที่ดีพึงตระหนัก
้ ู
ไว้ ว่าการวัดค่าประสิทธิผลที่ค่าอยู่ในเกณฑ์ที่สง อาจจะไม่ได้ หมายความว่าการวางแผนนันไม่
ู ้
ประหยัดหรื อไม่ค้ มค่าเสมอไป
ุ
เพราะผู้วางแผนจะต้ อ งพิจาณาดูว่าค่าประสิท ธิ ผลที่สูง นันมาจากเหตุใด เช่น
้
รายการที่เลือกเป็ นรายการของกลุมเปาหมายแต่ในขณะเดียวกันจานวนผู้ชมอาจจะไม่สงมาก
่ ้ ู
นัก ดัง นันค่าประสิทธิ ผลที่ สูง จึง ไม่ ใ ช่การไม่ประหยัดหรื อไม่ค้ ุมค่าเงิ น แต่เป็ นเพราะการ
้
วางแผนสามารถเจาะเข้ าหากลุ่ ม เป าหมายที่ เ ป็ นกลุ่ ม ที่ ต้ องการได้ โดยตรง เป็ นต้ น
้
(พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551)
3
4. การวัดค่ าของสื่อประเภทต่ าง ๆ
การวัดค่ าาสื่อโทรทัศน์
การวัดค่ สื่อโทรทัศน์
การวัดค่ าสื่อวิทยุ
การวัดค่ าสื่อสิ่งพิมพ์
การวัดค่ าสื่อกลางแจ้ ง
การวัดค่ าสื่ออินเทอร์ เน็ต
4
5. การวัดค่ าสื่ อโทรทัศน์
การวัดค่ าประสิทธิภาพ (Effectiveness) การวัดค่ าประสิทธิผล (Efficiency)
1. ค่าความนิยมในรายการ (Rating หรื อ 1. ค่า ใช้ จ่ ายต่อ พัน คน (Cost per
Rating Points) thousand – CPM)
2. ผลรวมของค่าความนิยมในรายการ 2. ค่าใช้ จ่ายต่อหนึ่งเปอร์ เซ็นต์ของค่า
ทังหมด (Gross Rating Points – GRPs)
้ ความนิยมในรายการ (Cost per Rating
Points – CPRP)
ค่าจานวนกลุ่มเปาหมายที่เปิ ดรับชมใน
3. ้
รายการ (Impression หรื อ Gross
Impression – GI)
4. ค่าความนิยมในรายการเฉลี่ย (Rating
per spot – R/S)
5
6. การวัดค่ าสื่ อโทรทัศน์
การวัดค่ าประสิทธิภาพ (Effectiveness)
1.ค่ าความนิยมในรายการ (Rating หรื อ Rating Points) หมายถึง การวัดจานวน
กลุมเปาหมายหรื อบ้ านที่เปิ ดรับรายการแต่ละรายการ หน่วยการวัดเป็ นเปอร์ เซ็นต์
่ ้
ค่า Ratings เป็ นค่าที่อธิบายว่าจานวนกลุ่มเปาหมายนิยมเปิ ดรับรายการมากหรื อน้ อย
้
หากค่า Ratings สูงแสดงว่าจานวนกลุ่มเปาหมายเปิ ดรับรายการมาก หรื อรายการเป็ นที่นิยม
้
ในทางตรงกันข้ ามหากค่า Ratings ต่าแสดงว่าจานวนกลุ่มเปาหมายเปิ ดรับรายการน้ อย แต่
้
จานวนกลุ่มเปาหมายเปิ ดรั บรายการน้ อยไม่ได้ แสดงว่ารายการนันไม่ ดีหรื อ ไม่เป็ นที่นิยม
้ ้
เพราะรายการอาจจะเป็ นรายการเฉพาะกลุ่ม เช่ น รายการของชาวมุส ลิ ม ในช่ ว งเวลา
ประมาณตี 5 เป็ นต้ น
จานวนกลุมเปาหมายที่ดู
่ ้
สูตร Ratings = X 100
จานวนกลุมเปาหมายทังหมด
่ ้ ้
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 6
7. การวัดค่ าสื่ อโทรทัศน์
1. ค่ าความนิยมในรายการ (Rating หรื อ Rating Points)
ตัวอย่ าง
จานวนกลุมเปาหมายที่ดู
่ ้
สูตร Ratings = X 100
จานวนกลุมเปาหมายทังหมด
่ ้ ้
จานวนกลุ่มเปาหมายทังหมด 10,500,000 คน
้ ้
รายการ จานวนกลุ่มเปาหมายที่ดูรายการ (คน)
้ Rating (%)
A 425,000 4.05
B 679,000 6.47
C 1,074,500 10.24
D 1,165,700 11.10
E 364,900 3.48
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 7
8. การวัดค่ าสื่ อโทรทัศน์
ผลรวมของค่ าความนิยมในรายการทังหมด (Gross Rating Points
2. ้ – GRPs)
หมายถึง การรวมค่าความนิยมในรายการทุกรายการ หน่วยการวัดเป็ นเปอร์ เซ็นต์
ค่ า GRPs เป็ นค่ าผลบวกของค่ า Ratings ในทุกรายการ
สูตร GRPs = RatingsA + RatingsB + …….. Ratings n
Total Ratings
รายการ Rating (%) Frequency (ครั ง)
้ (%)
A 4.05 2 8.10
B 6.47 3 19.41
C 10.24 3 30.72
D 11.10 4 44.40
E 3.48 2 6.96
GRPs 109.59 8
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551)
9. การวัดค่ าสื่ อโทรทัศน์
3. ค่ า จ านวนกลุ่ ม เป าหมายที่ เ ปิ ดรั บ ชมในรายการ (Impression
้ หรื อ Gross
Impression – GI) หมายถึงการวัดจานวนกลุ่มเปาหมายหรื อบ้ านที่เปิ ดรับรายการแต่ละรายการ
้
หน่วยการวัดเป็ นจานวนคน
ค่า GI เหมือนกับค่า Ratings ที่เป็ นการวัดความนิยมในรายการแต่ละรายการเช่นกัน แต่
แตกต่างกันเนื่องจากค่า GI จะเปลี่ยนค่า Ratings ที่เป็ นค่าเปอร์ เซ็นต์นนให้ เป็ นจานวนคนในแต่ละ
ั้
รายการนัน้
Rating X จานวนกลุมเปาหมายทังหมด
่ ้ ้
สูตร GI =
100
ตัวอย่ าง
จานวนกลุ่มเปาหมายทังหมด 10,500,000 คน
้ ้
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551)
10. การวัดค่ าสื่ อโทรทัศน์
3. ค่ าจานวนกลุ่ มเปาหมายที่เปิ ดรั บชมในรายการ (Impression
้ หรื อ Gross
Impression – GI)
ตัวอย่ าง
Rating X จานวนกลุมเปาหมายทังหมด
่ ้ ้
สูตร GI =
100
จานวนกลุ่มเปาหมายทังหมด 10,500,000 คน
้ ้
รายการ Rating (%) GI (คน)
A 4.05 425,250
B 6.47 679,350
C 10.24 1,075,200
D 11.10 1,165,500
E 3.48 365,400
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 10
11. การวัดค่ าสื่ อโทรทัศน์
4. ค่ าความนิยมในรายการเฉลี่ย (Rating per spot – R/S) หมายถึงการวัดค่าความนิยม
เฉลี่ยต่อหนึงรายการจากรายการทังหมด หน่วยการวัดเป็ นเปอร์ เซ็นต์
่ ้
ค่า R/S เป็ นค่าที่แสดงให้ เห็นว่าความนิยมเฉลี่ยต่อหนึ่งรายการจะมีค่าเท่าไหร่ หากค่าความ
นิยมเฉลี่ยสูงแสดงว่ารายการส่วนใหญ่ที่เลือกมีค่าความนิยมต่อรายการสูงหรื อรายการที่โฆษณา
เป็ นรายการที่นิยมของกลุมเปาหมาย
่ ้
ผลรวมของค่าความนิยมในรายการทังหมด (%)
้
สูตร R/S =
จานวนสปอตที่ลงโฆษณาทังหมด
้
ตัวอย่ าง
GRPs = 110%
Total spots = 45
R/S = 2.45%
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551)
12. การวัดค่ าสื่ อโทรทัศน์
การวัดค่ าประสิทธิภาพ (Effectiveness) การวัดค่ าประสิทธิผล (Efficiency)
1. ค่าความนิยมในรายการ (Rating หรื อ 1. ค่า ใช้ จ่ ายต่อ พัน คน (Cost per
Rating Points) thousand – CPM)
2. ผลรวมของค่าความนิยมในรายการ 2. ค่าใช้ จ่ายต่อหนึ่งเปอร์ เซ็นต์ของค่า
ทังหมด (Gross Rating Points – GRPs)
้ ความนิยมในรายการ (Cost per Rating
Points – CPRP)
ค่าจานวนกลุ่มเปาหมายที่เปิ ดรับชมใน
3. ้
รายการ (Impression หรื อ Gross
Impression – GI)
4. ค่าความนิยมในรายการเฉลี่ย (Rating
per spot – R/S)
12
13. การวัดค่ าสื่ อโทรทัศน์
การวัดค่ าประสิทธิผล (Efficiency)
1. ค่ าใช้ จ่ายต่ อพันคน (Cost per thousand – CPM) หมายถึงค่าใช้ จ่ายต่อจานวน
กลุมเปาหมายพันคน หน่วยการวัดเป็ นบาท
่ ้
ค่า CPM เป็ นการเปรี ยบความประหยัดในการใช้ จ่ายต่อรายการแต่ละรายการ หรื อ
รายการทังหมด โดยการเปรี ยบเทียบต่อกลุ่มเปาหมายที่ดรายการจานวน 1,000 คน ดังนัน
้ ้ ู ้
หากจานวนกลุ่มเปาหมายที่ดรายการมากจะทาให้ ค่า CPM ต่าแสดงว่ารายการดีมีความ
้ ู
คุ้มค่า และหากจานวนกลุมเปาหมายที่ดรายการน้ อยจะทาให้ ค่า CPM สูง
่ ้ ู
ค่าใช้ จ่ายต่อรายการ
สูตร CPM = X 1000
จานวนกลุมเปาหมายที่ดรายการ
่ ้ ู
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 13
14. การวัดค่ าสื่ อโทรทัศน์
1. ค่ าใช้ จ่ายต่ อพันคน (Cost per thousand – CPM)
ตัวอย่ าง
ค่าใช้ จ่ายต่อรายการ
สูตร CPM = X 1000
จานวนกลุมเปาหมายที่ดรายการ
่ ้ ู
จานวนกลุ่มเปาหมายทังหมด 10,500,000 คน
้ ้
จานวนกลุ่มเปาหมายที่
้
รายการ Rating (%) Cost (บาท) CPM (บาท)
ดูรายการ (คน)
A 425,000 4.05 75,000 176.47
B 679,000 6.47 95,000 139.91
C 1,074,500 10.24 110,000 102.37
D 1,165,700 11.10 135,000 115.81
E 364,900 3.48 37,500 102.76 14
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551)
15. การวัดค่ าสื่ อโทรทัศน์
การวัดค่ าประสิทธิผล (Efficiency)
2. ค่ าใช้ จ่ายต่ อหนึ่งเปอร์ เซ็นต์ ของค่ าความนิยมในรายการ (Cost per Rating
Points – CPRP) หมายถึงค่าใช้ จ่ายต่อความนิยมในรายการ 1% หน่วยการวัดเป็ นบาท
ค่า CPRP เช่นเดียวกันกับค่า CPM ที่ต้องการเปรี ยบเทียบความคุ้มค่าในการใช้ จ่าย
ต่อรายการแต่ละรายการ หรื อรายการทังหมด โดยการเปรี ยบเทียบต่อค่า Ratings 1%
้
ค่าใช้ จ่ายต่อรายการ
สูตร CPRP =
Rating
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 15
16. การวัดค่ าสื่ อโทรทัศน์
2. ค่ าใช้ จ่ายต่ อหนึ่งเปอร์ เซ็นต์ ของค่ าความนิยมในรายการ
(Cost per Rating Points – CPRP)
ตัวอย่ าง
จานวนกลุ่มเปาหมายที่
้
รายการ Rating (%) Cost (บาท) CPRP (บาท)
ดูรายการ (คน)
A 425,000 4.05 75,000 18,518.52
B 679,000 6.47 95,000 14,683.15
C 1,074,500 10.24 110,000 10,742.18
D 1,165,700 11.10 135,000 12,162.16
E 364,900 3.48 37,500 10,775.86
16
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551)
17. การวัดค่ าของสื่อประเภทต่ าง ๆ
การวัดค่ าสื่อโทรทัศน์
การวัดดค่ าสื่อวิทยุ
การวั ค่ าสื่อวิทยุ
การวัดค่ าสื่อสิ่งพิมพ์
การวัดค่ าสื่อกลางแจ้ ง
การวัดค่ าสื่ออินเทอร์ เน็ต
17
19. การวัดค่ าสื่ อวิทยุ
การวัดค่ าประสิทธิภาพ (Effectiveness)
1. ค่ าความครอบคลุม (Coverage) หมายถึง จานวนกลุ่มเปาหมายที่จะมีโอกาส
้
เปิ ดรับต่อโฆษณาตามที่กาหนดไว้ ในการวางแผนนัน หน่วยการวัดเป็ นเปอร์ เซ็นต์
้
ค่า Coverage เป็ นค่าที่อธิบายว่าเงินที่วางแผนลงทุนสาหรับการซื ้อสื่อวิทยุแต่ละเดือน
นันจะคุ้มค่าหรื อไม่ กล่าวคือในงบประมาณจานวนหนึ่งจะใช้ จ่ายเพื่อโฆษณาในรายการนันมี
้ ้
กลุมเปาหมายได้ ยินสื่อวิทยุคิดเป็ นกี่เปอร์ เซ็นต์
่ ้
จานวนผู้ฟังรายการวิทยุ (Listeners)
สูตร Coverage = X 100
จานวนครัวเรื อนในพื ้นที่ทงหมด
ั้
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 19
20. การวัดค่ าสื่ อวิทยุ
1. ค่ าความครอบคลุม (Coverage)
ตัวอย่ าง
จานวนผู้ฟังรายการวิทยุ (Listeners)
สูตร Coverage = X 100
จานวนครัวเรื อนในพื ้นที่ทงหมด
ั้
จานวนครัวเรือนในพืนที่ทงหมด 350,000 ครัวเรือน
้ ั้
สื่อวิทยุ จานวน Listeners Coverage (%)
FM 88.5 42,000 12.00
FM 97.75 69,000 19.71
รวม 111,000 31.71
ค่ า Coverage รวม = 32%
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 20
21. การวัดค่ าสื่ อวิทยุ
การวัดค่ าประสิทธิภาพ (Effectiveness)
ค่ าความนิยมในรายการ (Ratings) หมายถึง จานวนกลุ่มเปาหมายที่จะเปิ ดรับ
2. ้
รายการจากสื่อวิทยุภายในระยะเวลาที่กาหนด ซึ่งส่วนใหญ่สื่อวิทยุจะวัดภายใน 15 นาที
(Average quarter-hour ratings)
ค่า Ratings ของสื่อวิทยุเช่นเดียวกับสื่อโทรทัศน์ที่แสดงให้ เห็นค่าความนิยมในแต่
ละสถานีหรื อแต่ละรายการ
จานวนกลุมเปาหมายที่ฟังรายการ
่ ้
สูตร Ratings = X 100
จานวนกลุมเปาหมายทังหมด
่ ้ ้
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 21
22. การวัดค่ าสื่ อวิทยุ
2. ค่ าความนิยมในรายการ (Ratings)
ตัวอย่ าง
จานวนกลุมเปาหมายที่ฟังรายการ
่ ้
สูตร Ratings = X 100
จานวนกลุมเปาหมายทังหมด
่ ้ ้
จานวนกลุ่มเปาหมายทังหมด 10,100,000 คน
้ ้
สื่อวิทยุ จานวน Listeners Ratings (%)
FM 88.5 2,690,000 26.63
FM 97.75 2,885,000 28.56
รวม 5,575,000 55.19
ค่ า Ratngs รวม = 55%
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 22
23. การวัดค่ าของสื่อประเภทต่ าง ๆ
การวัดค่ าสื่อโทรทัศน์
การวัดค่ าสื่อวิทยุ
การวัดค่ าสื่อสิ่งพิมพ์
การวัดค่ าสื่อสิ่งพิมพ์
การวัดค่ าสื่อกลางแจ้ ง
การวัดค่ าสื่ออินเทอร์ เน็ต
23
24. การวัดค่ าสื่ อสิ่งพิมพ์
การวัดค่ าประสิทธิภาพ (Effectiveness)
1. ค่าความครอบคลุม (Coverage)
การวัดค่ าประสิทธิผล (Efficiency)
1. ค่าใช้ จ่ายต่อพันคน (Cost per thousand – CPM)
24
25. การวัดค่ าสื่ อสิ่งพิมพ์
การวัดค่ าประสิทธิภาพ (Effectiveness)
1. ค่ าความครอบคลุม (Coverage) หมายถึง จานวนกลุ่มเปาหมายที่จะมีโอกาส
้
เปิ ดรับต่อโฆษณาตามที่กาหนดไว้ ในการวางแผนนัน หน่วยการวัดเป็ นเปอร์ เซ็นต์
้
ค่า Coverage เป็ นค่าที่อธิบายว่าเงินที่วางแผนลงทุนสาหรับการซื ้อสื่อสิ่งพิมพ์แต่ละ
เดือนนันจะคุ้ม ค่าหรื อไม่ กล่าวคือ ในงบประมาณจานวนหนึ่ง ที่ จะใช้ จ่ายเพื่ อ โฆษณาใน
้
รายการนันมีกลุมเปาหมายเห็นสื่อสิ่งพิมพ์คิดเป็ นกี่เปอร์ เซ็นต์
้ ่ ้
จานวน Circulation
สูตร Coverage = X 100
จานวนครัวเรื อนในพื ้นที่ทงหมด
ั้
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 25
26. การวัดค่ าสื่ อสิ่งพิมพ์
1. ค่ าความครอบคลุม (Coverage)
ตัวอย่ าง
จานวน Circulation
สูตร Coverage = X 100
จานวนครัวเรื อนในพื ้นที่ทงหมด
ั้
จานวนครัวเรือนในพืนที่ทงหมด 8,951,000 ครัวเรือน
้ ั้
สื่อสิ่งพิมพ์ จานวน Circulation Coverage (%)
ไทยรัฐ 1,000,000 11.17
เดลินิวส์ 650,000 7.26
นิตยสาร a-day 100,000 1.12
รวม 1,750,000 19.55
ค่ า Coverage รวม = 20%
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 26
27. การวัดค่ าสื่ อสิ่งพิมพ์
การวัดค่ าประสิทธิผล (Efficiency)
1. ค่ าใช้ จ่ายต่ อพันคน (Cost per thousand – CPM) หมายถึงค่าใช้ จ่ายต่อจานวน
กลุมเปาหมายพันคน หน่วยการวัดเป็ นบาท
่ ้
ค่า CPM ของสื่อสิ่งพิมพ์เช่นเดียวกันกับสื่อโทรทัศน์ที่ต้องการเปรี ยบเทียบความ
คุ้มค่าในการใช้ จ่ายแต่ละฉบับ หรื อสื่อสิ่งพิมพ์ทงหมด โดยการเปรี ยบเทียบต่อกลุ่มเปาหมาย
ั้ ้
ที่อ่านสื่อสิ่งพิมพ์จานวน 1,000 คน ดังนัน หากจานวนกลุ่มเปาหมายที่อ่านสื่อสิ่งพิมพ์ฉบับ
้ ้
ใดฉบับหนึงมากจะทาให้ ค่า CPM ต่าแสดงว่าสื่อสิ่งพิมพ์นนมีความคุ้มค่า
่ ั้
ค่าใช้ จ่ายต่อฉบับ
สูตร CPM = X 1000
จานวนกลุมเปาหมายที่อ่าน
่ ้
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 27
28. การวัดค่ าสื่ อสิ่งพิมพ์
1. ค่ าใช้ จ่ายต่ อพันคน (Cost per thousand – CPM)
ตัวอย่ าง
ค่าใช้ จ่ายต่อฉบับ
สูตร CPM = X 1000
จานวนกลุมเปาหมายที่อ่าน
่ ้
จานวนกลุ่มเปาหมายที่
้
สื่อสิ่งพิมพ์ Cost (บาท) CPM (บาท)
อ่ าน (คน)
ไทยรัฐ 1,000,000 360,000 360.00
เดลินิวส์ 650,000 288,000 443.08
นิตยสาร a-day 100,000 45,000 450.00
รวม 1,750,000 693,000 396.00
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 28
29. การวัดค่ าของสื่อประเภทต่ าง ๆ
การวัดค่ าสื่อโทรทัศน์
การวัดค่ าสื่อวิทยุ
การวัดค่ าสื่อสิ่งพิมพ์
การวัดค่ าาสื่อกลางแจ้ งง
การวัดค่ สื่อกลางแจ้
การวัดค่ าสื่ออินเทอร์ เน็ต
29
31. การวัดค่ าสื่ อกลางแจ้ ง
การวัดค่ าประสิทธิภาพ (Effectiveness)
1. ค่ าความครอบคลุม (Coverage) หมายถึง จานวนกลุมเปาหมายที่ผ่านและเห็นสื่อ
่ ้
กลางแจ้ งที่ตงอยู่ หน่วยการวัดเป็ นเปอร์ เซ็นต์
ั้
ค่า Coverage จะผันแปรตามสถานที่ตงของสื่อกลางแจ้ ง หากสื่อกลางแจ้ งตังอยู่ใน
ั้ ้
บริ เวณที่ผ้ คนเดินทางสัญจรไปมาจานวนมากค่า Coverage จะสูง
ู
จานวนกลุมเปาหมายที่เดินทางผ่าน
่ ้
สูตร Coverage = X 100
จานวนกลุมเปาหมายทังหมด
่ ้ ้
ตัวอย่ าง
จานวนกลุมเปาหมายทังหมด
่ ้ ้ = 977,000 คน
จานวนกลุมเปาหมายที่เดินทางผ่าน
่ ้ = 106,000 คน
ค่ า Showing = 10.85%
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 31
32. การวัดค่ าของสื่อประเภทต่ าง ๆ
การวัดค่ าสื่อโทรทัศน์
การวัดค่ าสื่อวิทยุ
การวัดค่ าสื่อสิ่งพิมพ์
การวัดค่ าสื่อกลางแจ้ ง
การวัดค่ าสื่ออินเทอร์ เเน็ต
การวัดค่ าสื่ออินเทอร์ น็ต
32
33. การวัดค่ าสื่ ออินเทอร์ เน็ต
การวัดค่ าประสิทธิภาพ (Effectiveness)
1. ค่ าการคลิก (Click-rate or Click-throughs rate : CTR) หมายถึงการนับจานวน
กลุ่มเปาหมายที่ได้ คลิกเข้ าไปชมเว็บไซต์หรื อโฆษณาว่ามีเท่าใด การนับจานวนการคลิกนี ้ใช้
้
เป็ นการกาหนดค่าใช้ จ่ายในการโฆษณาด้ วยเช่นกัน เพราะเว็บไซต์ที่มีจานวนกลุ่มเปาหมายที่
้
คลิกเข้ าไปชมสูงค่าโฆษณาย่อมสูงด้ วย ในขณะเดียวกันเจ้ าของเว็บไซต์ส่วนใหญ่จะพยายาม
หาวิธีที่เมื่อกลุมเปาหมายคลิกเข้ าไปชมเว็บไซต์ให้ คลิกไปที่แบนเนอร์ ของผู้โฆษณาด้ วย
่ ้
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551) 33
34. การวัดค่ าสื่ ออินเทอร์ เน็ต
การวัดค่ าประสิทธิผล (Efficiency)
1. ค่ าใช้ จ่ายต่ อพันคน (Cost per thousand – CPM) หมายถึงค่าใช้ จ่ายต่อจานวน
กลุมเปาหมายพันคน หน่วยการวัดเป็ นบาท
่ ้
การวัดค่าประสิทธิผลของสื่ออินเทอร์ เน็ตเป็ นการวัดค่าความคุ้มค่าที่ใช้ วดได้ 2 อย่าง
ั
คือ การวัดค่าความคุ้มค่าของเว็บไซต์ที่โฆษณานันนาเสนออยู่ และการวัดค่าความคุ้มค่าของ
้
แบนเนอร์ หรื อปุ่ มที่โฆษณานัน
้
ค่าใช้ จ่ายในการโฆษณา
สูตร CPM = X 1000
จานวนกลุมเปาหมายที่คลิกเข้ าชม
่ ้
ตัวอย่ าง
ราคาค่าโฆษณา = 20,000 บาท
จานวนกลุมเปาหมายที่คลิกเข้ าชม
่ ้ = 250,000 คน
ค่ า CPM = 80 บาท
34
ที่มา : (พรจิต สมบัติพานิช ดร., 2551)