สรุปจากพาวเวอร์พอยท์นี้นะคะ 2/5 ส่งวันจันทร์ห้ามเลทนะคะ :)

1. เกณฑ์การให้คะแนน
• สอบกลางภาค 20 คะแนน
• สอบปลายภาค 20 คะแนน
• สอบย่อย 10 คะแนน
• รายงานเรื่องการรับประทานอาหารให้ถูกสัดส่วน 10 คะแนน(31 ก.ค. 57)
• รายงานเรื่อง เทคโนโลยีชีวภาพ 10 คะแนน(25 ส.ค. 57)
• สมุดบันทึกการอ่าน 10 คะแนน
• คะแนนความดี,เข้าเรียน,ร่วมกิจกรรมในห้องเรียน, สมุดบันทึก
20 คะแนน

2. หน่วยการเรียนรู้ที่ 1
อาหารกับการดารงชีวิต

7. อาหารและสารอาหาร
อาหาร(Food)
สิ่งที่รับประทานได้ ไม่เป็นพิษ และ
ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ร่างกาย
1.ให้พลังงาน
2.ร่างกายเจริญเติบโต
3.ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
4.สร้างภูมิต้านทานโรค

8. สารอาหาร(Nutrient)
สารเคมีที่ได้รับจากอาหารที่รับประทานเข้าไปในร่างกายแล้ว จะ
นาไปใช้ประโยชน์ตามส่วนต่างๆของร่างกาย แบ่งเป็น 2 ประเภท
1. สารอาหารที่ให้พลังงาน
2.สารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน

9. สารอาหารที่ให้พลังงาน
โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน

10. สารอาหารที่ไม่ให้พลังงาน
วิตามิน แร่ธาตุ น้า

11. คาร์โบไฮเดรต( Carbohydrate )
สารอินทรีย์ที่ประกอบด้วย
ธาตุ C H และ O เป็น
องค์ประกอบ
ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี
ต่อกรัม

12. 1. น้าตาล
คาร์โบไฮเดรตที่มีรสหวานและละลายน้าได้
น้าตาลโมเลกุลเดี่ยว(Monosaccharide)
เป็นคาร์โบไฮเดรตที่มีรสหวานและละลายน้าได้ ได้แก่ กลูโคส
ฟรักโทส และกาแล็กโทส
น้าตาลโมเลกุลคู่(Disaccharide)
เป็นคาร์โบไฮเดรตที่แตกตัวให้น้าตาลโมเลกุลเดี่ยวจานวน 2
โมเลกุล ได้แก่น้าตาลซูโครสหรือน้าตาลทราย แล็กโทส
มอลโทส
กลูโคส + ฟรักโทส = ซูโครส
กลูโคส + กาแล็กโทส = แล็กโทส
กลูโคส + กลูโคส = มอลโทส

13. 2.ประเภทไม่ใช่น้าตาล เป็นคาร์โบไฮเดรตที่ไม่มีรสหวาน
พอลิแซ็กคาร์ไรด์(Polysaccharide) เกิดจากน้าตาลโมเลกุล
เดี่ยวจานวนมากมาเกาะกันเป็นสารที่มีโมเลกุลเชิงซ้อน ได้แก่
แป้ ง เซลลูโลส ไกลโคเจน

14. โปรตีน (Protein)
เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีโมเลกุลขนาด
ใหญ่ ประกอบด้วยกรดอะมิโนหลาย
โมเลกุลมารวมกัน
มีธาตุ C H O และ N เป็นองค์ประกอบ
ของโปรตีน
โปรตีนจะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรีต่อ
กรัม

15. ไขมัน (Lipid)
สารประกอบอินทรีย์ที่มี
โมเลกุลใหญ่
ประกอบด้วยธาตุ
C H O
เป็นสารประกอบระหว่าง
กรดไขมันกับกลีเซอรอล
ให้พลังงาน 9
กิโลแคลอรีต่อกรัม

16. แหล่งอาหารไขมัน
1. ไขมันจากสัตว์ ประกอบด้วยกรดไขมัน
ที่อิ่มตัว ซึ่งมีประโยชน์แก่ร่างกายน้อย
2. ไขมันจากพืช ประกอบด้วยกรดไขมันไม่
อิ่มตัว ซึ่งมีประโยชน์แก่ร่างกายมาก

17. วิตามิน
เป็นสารประกอบอินทรีย์
ช่วยควบคุมการทางานของ
ระบบต่างๆของร่างกาย
เป็นตัวช่วยในการทางาน
ของเอนไซม์ ทาให้เซลล์ทา
หน้าที่ได้ตามปกติ

18. สารอาหารประเภทวิตามิน แบ่งโดยใช้คุณสมบัติในการละลายเป็น
เกณฑ์
1. วิตามินที่ละลายได้ในไขมัน
วิตามินเอ ดี อี และ เค
จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดพร้อมกับไขมัน
2. วิตามินที่ละลายได้ในน้า
สามารถละลายน้าได้ดีถูกทาละลายได้ง่าย
ด้วยแสงแดดและอากาศ
วิตามินบีชนิดต่างๆ และวิตามินซี

19. แต่ถ้าเราขาดวิตามิน เราจะเป็นอย่างไรบ้าง????
ขาดวิตามินเอ
แหล่งอาหาร
ตาดาอักเสบ
กระจกตาขุ่น
ไม่สามารถมองเห็น
ในที่สลัว

20. ขาดวิตามินดี
โรคกระดูกอ่อน
แหล่งอาหาร

21. ขาดวิตามินอี
เป็นหมัน หญิงที่มีครรภ์จะแท้งง่าย
เกิดเป็นโรคโลหิตจาง
แหล่งอาหาร

22. ขาดวิตามินเค
ทาให้เกิดโรคเลือดแข็งตัวช้าเมื่อ
เกิดบาดแผล
แหล่งอาหาร

23. ขาดวิตามินบี 1
โรคเหน็บชา
ระบบประสาท
แหล่งอาหาร
ข้าวซ้อมมือ

24. ขาดวิตามินบี 2
โรคปากนกนะจอก
ผิวหนังแตกแห้ง
แหล่งอาหาร

25. ขาดวิตามินบี 3
ลิ้นบวม ผิวหนังหยาบแห้งมีสีดา
แหล่งอาหาร
ข้าวสาลี

26. ขาดวิตามินบี 6
ประสาทจะเสื่อม บวม คันตามผิวหนัง
แหล่งอาหาร

27. ขาดวิตามินบี 12
โรคโลหิตจางหรือธาลัสซีเมีย
แหล่งอาหาร

28. ขาดวิตามินซี
เลือดออกตามไรฟัน
แหล่งอาหาร

29. แร่ธาตุ (Mineral)
1. แร่ธาตุที่ร่างกายต้องการจากอาหารในปริมาณที่ไม่ต่า
กว่าวันละ 100 มิลลิกรัม เช่น Ca P Mg Na K
2. แร่ธาตุที่ร่างกายต้องการในปริมาณน้อยวันละไม่กี่
มิลลิกรัม เช่น Fe I F Zn
แร่ธาตุที่ร่างกายต้องการแบ่งออกได้เป็น 2
ประเภท

30. แต่ถ้าเราขาดแร่ธาตุ เราจะเป็นอย่างไรบ้าง????
ขาดแคลเซียม เลือดแข็งตัวยาก โรคกระดูก
อ่อน
ขาดไอโอดีน โรคคอพอก
ขาดธาตุเหล็ก โรคโลหิตจาง
ขาดฟลูออไรด์ ฟันผุง่าย

31. เป็นสารที่มีความสาคัญต่อการดารงชีวิตของ
สิ่งมีชีวิตทุกชนิดร่างกาย
ร่างกายของคนเรามีน้าเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง
75% ของน้าหนักตัว
น้า (Water )

32. ควรเป็นน้าธรรมดาไม่เป็นน้าที่ร้อนมากหรือที่เย็นจัด แต่
ถ้าเป็นน้าอุ่นๆ เล็กน้อย ก็ควรดื่มในตอนเช้า เพราะ จะให้
การขับถ่ายดีขึ้น ลาไส้สะอาด
น้าที่ควรดื่ม

33. ระยะเวลาที่ดื่มน้า
ใน 1 วัน อาจจะเปลี่ยนแปลงให้เหมาะกับตัวเอง
ตื่นนอนตอนเช้า ดื่มน้า 1 แก้ว
ตอนสาย ดื่มน้า 2 แก้ว (เวลาประมาณ 9.00 – 10.00 น.)
ตอนบ่าย ดื่มน้า 3 แก้ว (เวลาประมาณ 13.00 – 16.00 น.)
ตอนเย็น ดื่มน้า 3 แก้ว (เวลาประมาณ 19.00 – 20.00 น.)
ก่อนเข้านอน ดื่มน้า 1 แก้ว เพื่อให้น้าที่ดื่มไหลเวียนชะล้างสิ่ง
ตกค้างในลาไส้และกระเพาะอาหาร ถ้าเป็นน้าอุ่นจะช่วยให้หลับ
สบายดีขึ้น รวมแล้วให้สามารถดื่มน้าเปล่าได้วันละ 10 แก้ว
นอกเหนือจากนั้น สามารถดื่มน้านม ,น้าผลไม้, ฯลฯ ได้อีกไม่
จากัด

34. ประโยชน์ของน้า
1. เป็นส่วนประกอบที่สาคัญของอวัยวะต่างๆของร่างกาย เช่น หัวใจ ตับ ไต
2. ช่วยรักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่
3. ช่วยนาของเสียออกจากร่างกายทางปัสสาวะและเหงื่อ
4. เป็นตัวกลางลาเลียงสารภายในร่างกาย
5. ช่วยทาให้ปริมาณไขมันในร่างกายลดลง